posttoday

พท.แนะสว.งดออกเสียงโหวตนายกฯส่อขัดรธน.ไม่เป็นกลาง

11 พฤษภาคม 2562

"ชวลิต"ห่วง ส.ว.ส่ออาจขัดรัฐธรรมนูญ ประเด็นความไม่เป็นกลางทางการเมืองแนะงดออกเสียงโหวตนายกฯ

"ชวลิต"ห่วง ส.ว.ส่ออาจขัดรัฐธรรมนูญ ประเด็นความไม่เป็นกลางทางการเมืองแนะงดออกเสียงโหวตนายกฯ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญนั้น มีประเด็นที่น่าเป็นห่วงต่อการทำหน้าที่ของ ส.ว. อยู่ 2 ประการ คือ 1. กระบวนการสรรหา ส.ว.ส่อว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญตามบทเฉพาะกาล มาตรา 269 (1) ที่บัญญัติให้ คสช.แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง นั้นในข้อเท็จจริง สังคมรับรู้ทั่วไปว่า กระบวนการสรรหาเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. ใช้เงินงบประมาณถึง 1,300 ล้านบาท สุดท้ายจะได้ ส.ว. จากพวกพ้อง จากผู้ที่ทำงานร่วมกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งใน ครม.และใน สนช. ซึ่งแต่งตั้งโดย คสช.ทั้งสิ้นและหัวหน้า คสช. ก็เป็นบุคคลที่พรรคการเมืองหนึ่งเสนอรายชื่อเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี จึงนับว่ากระบวนการสรรหาเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. น่าจะไม่เป็นกลางทางการเมือง ขัดกับ รธน.ม.269 (1) หรือไม่

2. การทำหน้าที่ของ ส.ว.ในวาระเริ่มแรก คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ส.ส. ส่อว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งบัญญัติไว้ ดังนี้

"ส.ส.และ ส.ว. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์"

แต่โดยข้อเท็จจริง เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ในกระบวนการสรรหา ส.ว.นั้น ท้ายที่สุดแล้ว คสช.เป็นผู้เลือก ส.ว. จำนวน 250 คน ถือได้ว่าส.ว.ทั้งหมด "อยู่ในความผูดมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ ของ คสช." ซึ่งนับเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สังคมเห็นภาพชัดเจนที่รัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติ จำนวนมาก ลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปเป็น ส.ว. ตามที่เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลักที่จะไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองหนึ่ง

ในขณะเดียวกันบุคคลผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองนั้น ก็เป็นหัวหน้า คสช.ที่มีอำนาจตั้ง ส.ว. มาทำหน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นับเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 หรือไม่ ต่อประเด็นทางออกในเรื่องนี้ ส.ว. ควรทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่บัญญัติให้ ส.ว.เป็น"ผู้แทนปวงชนชาวไทย" เมื่อเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ส.ว. ควรต้องฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ แล้วโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือก ส.ส.เข้ามาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นกัน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ ส.ว.ใช้สิทธิ์งดออกเสียง ให้เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ถืออำนาจอธิปไตยจากประชาชนที่เลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ขณะเดียวกันประการสำคัญที่สุด รัฐธรรมนูญ บทเฉพาะกาล มาตรา 269(3) บัญญัติให้หัวหน้า คสช.เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในการแต่งตั้ง ส.ว. ซึ่งมีประเด็นว่า หัวหน้า คสช.ได้ตรวจสอบความถูกต้อง ชอบธรรม ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้หรือไม่ โดยตรวจสอบกับข้อเท็จจริงที่รัฐมนตรี และ สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายท่านลาออกจากตำแหน่งเพื่อไปเป็น ส.ว. ตามข่าวที่ปรากฎครึกโครมอยู่ในปัจจุบันหรือไม่อย่างไร