posttoday

จับตาเงื่อนเวลาคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

25 เมษายน 2562

จึงต้องมาลุ้นกันว่ากกต.จะได้ฤกษ์เริ่มคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อออกมาได้ ณ วันใด ภายใต้เงื่อนเวลาต้องประกาศผลเลือกตั้งแบบแบ่งเขตให้เป็นที่เรียบร้อย

จึงต้องมาลุ้นกันว่ากกต.จะได้ฤกษ์เริ่มคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อออกมาได้ ณ วันใด ภายใต้เงื่อนเวลาต้องประกาศผลเลือกตั้งแบบแบ่งเขตให้เป็นที่เรียบร้อย

************

โดย ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่รับคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. กกต. ออกเอกสารข่าวชี้แจง พร้อมใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ คำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยยึดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 128

อย่างไรก็ตาม ประกาศกกต. ระบุข้อความทำนองว่า การคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตามมาตรา 128 จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการประกาศผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้ว

คำถามตามมาว่า ณ ขณะนี้ การประกาศผลเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเป็นที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วหรือยัง

เนื่องจากกกต.อยู่ระหว่างการพิจารณารับรองส.ส.รายคน มีการประกาศให้เลือกตั้งใหม่ นับคะแนนใหม่สารพัด รวมถึงผู้สมัครของแต่ละพรรคกำลังใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องให้กกต.พิจารณาการเลือกตั้งในเขตของตนเป็นไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม

ล่าสุด กกต.มีมติแจกใบส้ม ว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 8 เชียงใหม่ แม้แต่ กรณี ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคคใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างให้นายธนาธร มาแก้ข้อกล่าวหา ก่อนจะมีมติชี้ชะตาหัวหน้าอนาคตใหม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้

จึงต้องมาลุ้นกันว่ากกต.จะได้ฤกษ์เริ่มคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อออกมาได้ ณ วันใด ภายใต้เงื่อนเวลาต้องประกาศผลเลือกตั้งแบบแบ่งเขตให้เป็นที่เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน จะทันกรอบเวลา 9 พ.ค.62 ในการประกาศรับรองส.ส.ไม่น้อยกว่า 95 เปอร์เซนต์ เข้าสภาหรือไม่

...นี่เป็นอีกประเด็นต้องพิจารณา...

ถึงกระนั้น นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ออกมายืนยันว่า "กรอบเวลาเรื่องนี้คงต้องดำเนินการโดยเร็ว เพราะถึงอย่างไรวันที่ 9 พ.ค.นี้ กกต. ต้องประกาศส.ส.ทั้งสองระบบไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 "

"ส่วนกรณีที่หลังจาก กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว มีผู้ที่เห็นว่าการคำนวณจัดสรร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ถูกต้องก็มีสิทธิไปร้องต่อศาลได้"

จับตาเงื่อนเวลาคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

  *********

สำหรับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2561 มาตรา 128 เป็นอย่างไร ติดตามจากข้างล่างนี้

มาตรา 128 ในกรณีที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งครบทุกเขตเลือกตั้งแล้ว การคํานวณหา จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ จะพึงได้รับ ให้คํานวณตามวิธีการดังต่อไปนี้ โดยในกรณีที่มีเศษให้ใช้ทศนิยมสี่ตําแหน่ง

(1) นําคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้รับ จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหารด้วยห้าร้อยอันเป็นจํานวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร

(2) นําผลลัพธ์ตาม (1) ไปหารจํานวนคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมืองแต่ละพรรค ที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทุกเขต จํานวนที่ได้รับให้ถือเป็นจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้เบื้องต้น และเมื่อได้คํานวณตาม (5) (6) หรือ (7) ถ้ามีแล้ว จึงให้ถือว่า เป็นจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้

(3) นําจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองจะพึงมีได้ตาม (2) ลบด้วยจํานวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง ผลลัพธ์คือจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับเบื้องต้น

(4) ภายใต้บังคับ (5) ให้จัดสรรจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง จะได้รับให้ครบหนึ่งร้อยห้าสิบคน โดยจัดสรรให้พรรคการเมืองตามผลลัพธ์ตาม (3) เป็นจํานวนเต็มก่อน หากยังไม่ครบจํานวนหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคํานวณมากที่สุดได้รับการจัดสรร จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคนตามลําดับจนครบจํานวนหนึ่งร้อยห้าสิบคน ในกรณีมีเศษเท่ากัน ให้ดําเนินการตาม (6)

(5) ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เท่ากับหรือสูงกว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ให้พรรคการเมืองนั้น มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจํานวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับ การจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และให้นําจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต่ำกว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (2) ตามอัตราส่วน แต่ต้อง ไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม (2)

(6) ในการจัดสรรตาม (5) แล้วปรากฏว่ายังจัดสรรจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ไม่ครบหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคํานวณมากที่สุดได้รับการจัดสรรจํานวนสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคนตามลําดับจนครบจํานวนหนึ่งร้อยห้าสิบคน กรณีที่เศษที่เหลือ ของแต่ละพรรคการเมืองเท่ากันจนทําให้ไม่สามารถจัดสรรสมาชิกสภาผ้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อได้ครบจํานวน หนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้นําค่าเฉลี่ยคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองต่อจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พึงมีหนึ่งคนมาพิจารณา

โดยหากพรรคการเมืองใดมีค่าเฉลี่ยคะแนนของพรรคการเมืองต่อจํานวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พึงมีหนึ่งคนมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ให้พรรคการเมืองนั้นมีสิทธิได้รับ การจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกหนึ่งคน และหากยังมีจํานวนค่าเฉลี่ยดังกล่าว เท่ากันอีก ให้ใช้วิธีจับสลาก

(7) ในกรณีที่เมื่อคํานวณตาม (5) แล้วปรากฏว่าพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจํานวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อรวมกันแล้วเกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน ให้ดําเนินการคํานวณปรับจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อใหม่โดยคํานวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรร จํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบคน โดยให้นําจํานวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับคูณด้วยหนึ่งร้อยห้าสิบ หารด้วยผลบวกของหนึ่งร้อยห้าสิบกับจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่เกินจํานวนหนึ่งร้อยห้าสิบ และให้นํา (4) มาใช้ในการคํานวณด้วยโดยอนุโลม

(8) เมื่อได้จํานวนผู้ได้รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว ให้ผู้สมัคร ตามลําดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในกรณีที่ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตายภายหลังวันปิดรับสมัครรับเลือกตั้งแต่ก่อนเวลาปิด การลงคะแนนในวันเลือกตั้ง ให้นําคะแนนที่มีผู้ลงคะแนนให้ มาคํานวณตาม (1) และ (2) ด้วย

ทั้งนี้ การดําเนินการตาม (1) ถึง (8) ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกําหนด