ส่องคดีทักษิณ ดับฝันกลับประเทศ

ผลจากคำพิพากษาจำคุก 3ปีคดีปล่อยกู้พม่าย่อมทำให้"ทักษิณ"หมดโอกาสกลับประเทศ

สั่งจำคุกไปอีกหนึ่งคดี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา จำคุก 3ปีฐานสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อืน

ผลจากคำพิพากษาดังกล่าวย่อมทำให้ นายทักษิณ หมดโอกาสที่จะเดินทางกลับประเทศทันที หากไม่ยอมติดคุกตามคำพิพากษา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ เพิ่งหลุดคดีที่ดินรัชดา ที่ถูกศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่หลบหนี จนขาดอายุความครบ 10 ปี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2561

อย่างไรก็ตามภายหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ออกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้

ผลจากพ.ร.บ.ดังกล่าวทำให้คดี นายทักษิณ ที่ถูกศาลสั่งจำหน่ายไว้ชั่วคราวตามกฎหมายเดิมนั้นต้องถูกนำมาพิจารณาทันที ซึ่งมีอยู่ 5 คดี โดยศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาแล้ว 2 คดีคือ 1.คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป ซึ่งศาลออกหมายจับ 16 ก.ย. 2551 ซึ่งได้ศาลได้ตัดสินล่าสุดในวันนี้(23 พ.ค.) ส่วนคดีที่ 2คือคดีฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ซึ่งศาลฎีกาฯมีคำพิพากษา ยกฟ้อง นายทักษิณไม่ผิดมาตรา 157 เนื่องจากไร้พยานหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต จึงพิพากษายกฟ้อง โดยถือเป็นคดีแรกที่ศาลสั่งยกฟ้องนายทักษิณ

สำหรับ 3 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว ศาลออกหมายจับ 26 ก.ย. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก ในขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆศาลได้ตัดสินไปแล้ว คือนาย วราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ผู้กำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตประธานบอร์ด และ นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัดสินให้จำคุกคนละ 2 ปี แต่เนื่องจากจำเลยทั้ง 3 ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ศาลพิเคราะห์พฤติกรรมแล้ว ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี

2.คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาทให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ศาลออกหมายจับ 11 ต.ค. 2555 เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆศาลมีคำพิพากษาจำคุกไป 25คนตามความผิดลดหลั่นกันลงไป และคดีดังกล่าวยังโยงใยไปถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายนายทักษิณ ในคดีฟอกเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

3. คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ศาลออกหมายจับ 15 ต.ค. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก ส่วนจำเลยคนอื่นๆ ศาลฎีกา มีคำพิพากษา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือหมอเลี้ยบ อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) 1ปีโดยไม่รอลงอาญา ปัจจุบันพ้นโทษแล้ว ส่วน นายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงไอซีที และนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงไอซีที ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำคุก 1 ปีแต่โทษให้รอลงอาญาเป็นเวลา 5 ปี

ใน3คดีที่เหลือดังกล่าวนี้ โอกาสนายทักษิณ จะหลุดบ่วงนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก และถือเป็นการนับถอยหลังปิดฉากระบอบทักษิณอย่างสิ้นเชิง