วิษณุชี้ช่องกกต.ยื่นตีความกรอบรับรองผลเลือกตั้งหวังยืดถึง23พ.ค.

รองนายกฯแนะกกต.ควรถามกรอบเวลารับรองผลเลือกตั้งพ่วงเรื่องคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เหตุอาจยังยืดประกาศผลได้อีกถึงวันที่23 พ.ค.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ควรจะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องกรอบระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไปพร้อมกับการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเกี่ยวกับสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วยในคราวเดียวกันเพื่อความชัดเจน

“ผมคิดว่าศาลต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนวันที่ 9 พ.ค.นี้ ตามที่กกต.ระบุว่าต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ แต่ให้ข้อสังเกตว่า หากยึดกรอบเวลาประกาศผลภายใน 60 วันหลังวันเลือกตั้ง จะมีเวลาพิจารณาประกาศผลได้ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งในข้อเท็จจริง กกต. ควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยระยะเวลาประกาศผลในคราวเดียวกันนี้ด้วย"นายวิษณุ กล่าว

สำหรับการยื่นตีความเกี่ยวกับสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น จะต้องรอความชัดเจนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ หากศาลฯ ไม่รับ ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องชี้ขาดในเรื่องนี้ ถ้าชี้แจงแล้วมีใครไม่เห็นด้วยก็ไปร้องต่อศาลได้ เรื่องนี้ต้องรอดูว่าศาลจะว่าอย่างไร ถ้ารับเรื่องเอาไว้ก็หมดเรื่อง และเมื่อรับแล้วจะพิจารณาช้าหรือเร็วก็ต้องว่ากันไป

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงข้อเสนอให้ใช้ช่องทางมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ ให้ส.ว.สามารถโหวตกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปได้ เพื่อแก้ปัญหาเสียงไม่พอในสภา ว่า เรื่องดังกล่าวใช้ไม่ได้ทั้งหมด ช่องทางดังกล่าวสามารถแก้ได้บางส่วนแต่ไม่ได้ทั้งหมด จะใช้ได้กับกฎหมายบางฉบับเท่านั้น และแก้ไม่ได้ตลอดไป

“กฎหมายใดที่รัฐบาลบอกไปยังสภาว่าเป็นกฎหมายปฏิรูป ต้องประชุมร่วมกันอยู่แล้ว แต่มีบางฉบับที่ไม่ใช่กฎหมายปฏิรูป เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นต้น ดังนั้นไม่ใช่ว่าต้องไปดึงส.ว.มาร่วม หรืออันธพาลเสียงมากลากไป เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่าถ้าเป็นกฎหมายปฏิรูปต้องประชุมร่วม ไม่เช่นนั้นการประชุมจะเป็นโมฆะอยู่แล้ว แต่คงไปทำแบบนี้กับกฎหมายทุกฉบับไม่ได้ มาตราดังกล่าวไม่ใช่ทางออกที่หมดจด แต่การมีเสียงข้างมากที่เป็นทางออกที่หมดจด"นายวิษณุ กล่าว