posttoday

"ปิยบุตร"ปฏิเสธ ทุกข้อหาชี้ วิพากษ์ศาลรธน.ได้

17 เมษายน 2562

“ปิยบุตร”ปัดทุกข้อหาย้ำศาลวิจารณ์ได้ เผยมีการเร่งรัดคดี มีคนมาร้องเรียนพรรคอนาคตใหม่ทุกวัน

“ปิยบุตร”ปัดทุกข้อหาย้ำศาลวิจารณ์ได้ เผยมีการเร่งรัดคดี มีคนมาร้องเรียนพรรคอนาคตใหม่ทุกวัน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) กว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตนเองในความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามกฎหมายอาญามาตรา 198 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวม 2 ข้อหา จากการอ่านแถลงการณ์หลังพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคเมื่อวันที่7 มี.ค. ซึ่งได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ในเรื่องการดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ ขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ มีองค์กรผู้ใช้อำนาจคือ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา และศาล ดังนั้นศาลถือเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน ระบบการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เสมอ ดังนั้นองค์กรตุลาการย่อมต้องอยู่ระนาบเดียวกัน โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินข้อพิพาททางการเมือง ยิ่งต้องถูกตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้

นายปิยบุตร กล่าวว่า เข้าใจว่าการตรวจสอบตุลาการ หากวิจารณ์มากๆอาจกระทบต่อการพิพากษาคดี การวิจารณ์จึงทำได้โดยวิจารณ์คำวินิจฉัยหรือคำพิพากษา ซึ่งตนเองทำมาโดยตลอดตั้งแต่ตอนเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ในเรื่องดูหมิ่นศาลนั้นเมื่อเทียบเคียงแล้วอาจคล้ายกับการหมิ่นบุคคลอื่น ซึ่งตามปกติแล้ว คนที่ถูกดูหมิ่นจนทำให้เสื่อมเสียเกียติยศชื่อเสียง จะเป็นผู้ริเริ่มกล่าวโทษฟ้องคดี แต่การดูหมิ่นศาล ถูกบัญญัติไว้เป็นอาญาแผ่นดิน ใครจึงไปกล่าวโทษก็ได้ ซึ่งคดีนี้จะมีความสำคัญมาก ในแง่ที่จะเป็นบรรทัดฐาน

"หากสุดท้ายผมมีความผิดจริง ก็จะทำให้บรรทัดฐานการวิจารณ์การใช้อำนาจรัฐ จะไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต่อไปใครไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ก็อาจโดนใครไม่รู้ไปแจ้งความร้องทุกข์ นี่อาจเป็นจุดอ่อนของกฎหมายไทย การที่ผมโดน ขอให้เป็นอุทาหรณ์ของสภาพการณ์การใช้กฎหมายที่เป็นอยู่ว่า มีข้อบกพร่องอย่างไร ที่จะกระทบกระเทือนต่อการใช้เสรีภาพของประชาชน"นายปิยบุตร กล่าว

ทั้งนี้เมื่อถามว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเองมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและความเป็นกลางของพนักงานสอบสวน แต่กระบวนการเริ่มต้นที่เกิดขึ้น เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะคสช.เป็นผู้กล่าวโทษ สาธารณชนสามารถใช้วิจารณญาณในเรื่องนี้ดูได้ ว่า ทำไมพรรคอนาคตใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งจึงต้องเจอเรื่องนี้ตลอดเวลา ซึ่งทราบจากเจ้าพนักงานสอบสวนว่า มีคนมาร้องเรียนพรรคอนาคตใหม่ทุกวัน

อย่างไรก็ตามคดีนี้มีการขอเร่งรัดกันมา ดังนั้นภายในวันที่ 25 เม.ย. จะทำคำให้การต่อพนักงานสอบสวนให้เรียบร้อย ทั้งที่ตนเองเป็นผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิในการทำคำให้การ แต่กลับมีเวลาเพียง 9 วัน จากนี้จะนำข้อกล่าวหาในวันนี้ไปสแกนลงเว็บไซต์ของพรรคให้สังคมรับรู้ ซึ่งดูแล้วมีหลายข้อความที่ตนเองไม่ได้พูดด้วย ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า มาเป็นนักการเมืองสิ่งสำคัญที่สุดคือการอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง มิเช่นนั้นสังคมประชาธิปไตยจะไปต่อไม่ได้ ตนเองกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดทนถึงที่สุด

"หลายครั้งเป็น เฮทสปีช มีการใส่ร้ายป้ายสี จึงฝากไปถึงนักการเมืองที่มาจากการยึดอำนาจ รวมถึงองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐด้วยว่า ต้องอดทนอดกลั้นกับความเห็นต่าง เรานักการเมืองจากการเลือกตั้งยังทนได้ นักการเมืองที่มาจากการยึดอำนาจก็ต้องทนได้เช่นกัน”นายปิยบุตร กล่าว

ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ที่เร่งรัดภายในวันที่ 25 เม.ย.นี้ พนักงานสอบสวนอ้างว่า คสช.กล่าวหานายปิยบุตรหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็ย้อนถามว่า พนักงานสอบสวนได้สอบถาม ไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า นายปิยบุตรหมิ่นจริงหรือไม่ หรือยัง ก็ได้ความว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ตอบ ศาลรัฐธรรมบอกเพียงแต่ว่าหมิ่นหรือไม่ให้อยู่ในดุลพินิจศาลยุติธรรม จึงเป็นข้อสงสัยว่า ตัวผู้เสียหายยังไม่บอกว่าโดนหมิ่นหรือเสียหายหรือไม่

“ตอนแรกเราขอเวลาทำคำให้การ 30 วัน ก่อนลดมา 15 วัน และสุดท้ายเหลือ 9 วัน เพราะผู้ใหญ่เร่งรัด ด้วยระยะเวลา 9 วัน เราอาจทำให้การไม่ทัน แต่เชื่อความยุติธรรมยังมีอยู่ เมื่อให้เวลาเราน้อย เราก็จะร้องขอในชั้นอัยการ ซึ่งเราจะปรึกษากันอีกทีว่า เราจะต้องขอให้พนักงานสอบสวนทำการสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือตัวแทนด้วยหรือไม่ เพราะตรงนี้มีข้อพิรุธที่ขนาดพนักงานสอบสวนยังไม่ทราบว่าหมิ่นหรือไม่แล้วจะเชื่อคำพูดของพ.อ.บุรินทร์ฝ่ายเดียวได้อย่างไร”นายกฤษฎางค์กล่าว

นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า เท่าที่ตนดูข้อกล่าวหาไม่พบการหมิ่นศาล เป็นเพียงถ้อยคำเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทุกศาลย่อมถูกวิจารณ์ได้อยู่แล้ว ส่วนการที่พ.อ.บุรินทร์นำข้อความที่นายปิยบุตรไม่ได้พูดมาอ้างในคำให้การ จะเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จหรือไม่นั้นตนกับลูกความยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะไม่ได้คิดแค้นใจอะไร คนที่มีปัญหาเรื่องนี้คือคสช.