posttoday

อดีตผู้พิพากษา ชี้ "ธนาธร"พูดลอยๆกล่าวหา"ศาล"ไม่เป็นกลาง "คดีทักษิณ"เข้าข่ายดูหมิ่นศาล

09 มีนาคม 2562

"ชูชาติ" อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ติง "ธนาธร" พูดลอยๆกล่าวหา"ศาล"ไม่เป็นกลาง "คดีทักษิณ" เพื่อเอาใจบางคนบางกลุ่มหวังผลทางการเมือง ชี้ เข้าข่ายมีความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา

"ชูชาติ" อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ติง "ธนาธร" พูดลอยๆกล่าวหา"ศาล"ไม่เป็นกลาง "คดีทักษิณ" เพื่อเอาใจบางคนบางกลุ่มหวังผลทางการเมือง ชี้ เข้าข่ายมีความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา


เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก และมีคดีที่กำลังพิจารณาอยู่อีกหลายคดีว่า

คดีอาญาที่ฟ้องนายทักษิณทำขึ้นในรัฐบาลทหาร จึงขอเสนอว่าต้องคืนความยุติธรรมให้เขา เอาทักษิณกลับมา นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รื้อคดีต่างๆ พิจารณาคดีต่างๆใหม่และผู้พิพากษาต้องเป็นกลาง ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดนายทักษิณ ๆ มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีภายใต้กระบวนการและศาลที่เป็นธรรม

การที่นายธนาธรกล่าวว่า ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดนายทักษิณ จึงต้องรื้อคดีต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้นายทักษิณต่อสู้คดีในศาลที่เป็นธรรมและผู้พิพากษาต้องเป็นกลาง

ย่อมหมายความว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่มีความเป็นธรรมและองค์คณะพิพากษา 9 ท่าน ที่พิจารณาพิพากษาคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลย ไม่เป็นกลางเพราะถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดนายทักษิณ

นายธนาธรต้องพูดให้ชัดเจนโดยมีพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า องค์คณะผู้พิพากษา 9 ท่าน ที่พิจารณาและพิพากษาคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลยแต่ละคดีมีพฤติการณ์ที่ไม่เป็น กลางอย่างไรและคำพิพากษาในคดีนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรมอย่างไร มีเหตุผลและหลักฐานอะไรมาอ้างอิง

ไม่ใช่พูดลอยๆ โดยไม่มีข้อเท็จจริงอะไร เพียงเป็นการพูดเพื่อเอาใจบุคคลบางคนบางกลุ่มและอาจเพื่อหวังผลในทาง การเมืองเท่านั้น

คดีที่ดินรัชดาที่นายทักษิณกับภริยาถูกฟ้องเป็นจำเลย ศาลพิจารณาพิพากษาคดีในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนของนายทักษิณเป็นรัฐบาล ทนายความนำเงินจำนวน 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ศาล แต่เจ้าหน้าที่ศาลไม่รับ และทนายความของนายทักษิณถูกลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลให้จำคุก 6 เดือน คดีนั้นศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนายทักษิณแต่ให้ยกฟ้องภริยานายทักษิณ

คดียุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นายตำรวจยศพันตำรวจเอกไปวิ่งเต้นตุลาการรัฐธรรมนูญเสนอให้เงิน 20 ล้านบาท เพื่อให้ช่วยพรรคไทยรักไทย แต่ได้รับการปฏิเสธ และนายตำรวจคนนั้นถูกดำเนินคดีจนถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี

นี่คือคดีที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการวิ่งเต้นให้สินบนเจ้าหน้าที่ศาลและผู้พิพากษา ส่วนที่มีข่าวว่าคดีอื่นๆ ก็มีการวิ่งเต้นให้สินบนผู้พิพากษาเช่นเดียวกัน แต่เมื่อไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันจึงไม่ขอกล่าวถึง

องค์คณะผู้พิพากษาในคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจำนวน 9 ท่าน ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้พิพากษาศาลฎีกาขึ้นไปและผู้พิพากษาอาวุโสที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ศาลฎีกาจำนวนกว่า 100 ท่าน เป็นผู้เลือกโดยการลงคะแนนลับ

นายธนาธรคิดหรือว่า จะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดสามารถสั่งผู้พิพากษาระดับสูงสุดของศาลยุติธรรมที่เข้าประชุมใหญ่จำนวน 100 ท่านเศษให้เลือกผู้พิพากษาท่านหนึ่งท่านใดเป็นองค์คณะในคดีหนึ่งคดีใดได้ และเมื่อได้องค์คณะ 9 ท่านแล้วคิดหรือว่า จะสั่งให้องค์คณะผู้พิพากษากระทำอย่างหนึ่งอย่างใดได้ เหมือนที่นายธนาธรสั่งพนักงานในบริษัทหรือในพรรคอนาคตใหม่

องค์คณะผู้พิพากษา 9 ท่าน แม้จะไม่มีทรัพย์สินมากมาย เหมือนนายธนาธร แต่ก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีพอที่จะไม่รับเงินสิน บนจากใครหรือฟังคำสั่งจากผู้ใด เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเบี่ยงเบนไปจากพยานหลักฐานในสำนวนและปราศจากความยุติธรรม

ถ้าสามารถวิ่งเต้นองค์คณะผู้พิพากษาได้ พรรคไทยรักไทยคงไม่ถูกยุบ นายทักษิณกับทนายของนายทักษิณก็คงไม่ถูกลงโทษจำคุก และนายทักษิณคงไม่ถูกริบทรัพย์เป็นเงิน 46,000 ล้านบาทเศษ

นายธนาธรกล่าวว่าการที่นายทักษิณถูกลงโทษเป็นการไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะผู้พิพากษาไม่เป็นกลาง

ดังนั้นถ้าองค์คณะผู้พิพากษายอมรับเงินสินบนแล้วพิพากษายกฟ้องไม่ลงโทษนายทักษิณและไม่ริบทรัพย์ของนายทักษิณ นายธนาธรก็คงกล่าวว่านายทักษิณก็ได้รับความเป็นธรรมและองค์คณะผู้พิพากษาเป็นกลางแล้วใช่ไหม

คำกล่าวของนายธนาธรที่ว่า ศาลไม่มีความเป็นธรรมและองค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษาคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลย ไม่เป็นกลางเพราะถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อกำจัดนายทักษิณนั้น

เป็นการกล่าวหาและดูหมิ่นองค์คณะผู้พิพากษาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิจารณาพิพากษาคดีที่นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลยอย่างร้ายแรงที่สุด

และเข้าข่ายมีความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายทักษิณถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประมาณ 6 คดี เมื่อนายธนาธรกล่าวหาและดูหมิ่นองค์คณะผู้พิพากษาทุกคดีก็ย่อมเป็นการ กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 6 กระทง

ถ้านายธนาธรถูกดำเนินคดีก็อย่าโวยวายและกล่าวหาว่าถูกเผด็จการกลั่นแกล้งเลย เพราะนายธนาธรเป็นผู้พูดด้วยตนเองและชัดถ้อยชัดคำ