posttoday

ภท.แนวคิด“ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ปรับของเดิมให้สอดคล้องปัจจุบัน

30 ธันวาคม 2561

“อนุทิน”ยันแนวคิด“ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ของภูมิไทยไม่ใช่ต้องการลดอำนาจรัฐ แต่ปรับให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน

“อนุทิน”ยันแนวคิด“ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ของภูมิไทยไม่ใช่ต้องการลดอำนาจรัฐ แต่ปรับให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงแนวคิด “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ที่เป็นนโยบายพรรค ว่า ไม่ใช่เป็นการไปลดอำนาจรัฐ หรือข้าราชการ แล้วไปเพิ่มอำนาจประชาชนอย่างไม่มีรูปแบบ แต่เป็นการทำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คือ กฎหมาย ระเบียบต่างๆที่เคยถูกตราขึ้นในอดีต ซึ่งมันเหมาะกับสถานการณ์ในตอนนั้น แต่ไม่เหมาะสมกับปัจจุบัน และเทคโนโลยีความก้าวหน้า ทำให้เกิดความล่าช้า เกิดการตีความ ประชาชนก็ไม่สะดวกในการรับบริการจากภาครัฐ พรรคจึงนำมาแก้ไขปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นระบบแบ่งปันผลกำไร ข้าว ปาล์ม ยาง อ้อย น้ำตาล ยกสถานะอสม. เทียบเท่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการทำแกร๊บคาร์ให้ถูกกฎหมายในอนาคต

“อย่างกรณีผู้ประกอบการแกร็บแท็กซี่ คนขับกันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว ก็ยังบอกว่าผิดกฎหมาย เราจะไปบอกให้เขาเลิกได้มั้ย ทั้งที่เขามีโอกาสที่จะสร้างรายได้สุจริต เราควรแก้กฎหมาย หรือจะไปตัดโอกาสประชาชนหลายๆหมื่นคน ดังนั้นลดอำนาจรัฐคือแก้กฎหมายให้ถูกต้อง  เพิ่มอำนาจประชาชนก็คือ ให้เขาทำสิ่งที่เขาต้องการทำโดยสุจริต ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อศีลธรรม หารายได้จุนเจือครอบครัว และแก้ปัญหาปากท้อง  แต่มันยังขัดต่อกฎหมาย เราก็ทำให้ถูกกฎหมาย” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว

สำหรับกฎหมายในปัจจุบันสุดท้ายไปจบที่คำว่าดุลยพินิจของหน่วยงานรัฐ ที่เป็นต้นตอของการทุจริต การเล่นพรรคเล่นพวก เลือกที่รักมักที่ชัง ขณะเดียวกันเมื่อเพิ่มอำนาจประชาชนแล้ว ประชาชนก็ต้องให้สัญญาว่าจะต้องทำตามกฎหมาย หากฝ่าฝืน ก็ต้องเจอบทลงโทษที่รุนแรง เหมือนพบกันครึ่งทาง ฝ่ายรัฐที่เข้มอยู่ทำให้ถูกบ่นตำหนิ ถูกแสดงความไม่พอใจ ก็ต้องลดถอยลงมา ฝ่ายประชาชนที่ยังขาดอยู่ ก็ต้องไปถึงจุดที่ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ประชาชนก็จะกินดี อยู่ดี มีรายได้ ไม่ขัดแย้งต่อต้านกัน หรือเรียกร้องจากรัฐ

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ โชคดีพรรคภูมิใจไทยตั้งสโลแกนว่า  “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” แล้วปรากฏว่าปัญหาปากท้อง กลายมาเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆ จากผลโพลสำนักต่างๆ และเป็นปัญหาหนักกว่าเรื่องการเมือง เรื่องสีเสื้อ เรื่องรัฐธรรมนูญ เท่ากับประชาชนกับพรรคคิดตรงกัน