posttoday

"อนุทิน"ชี้พัฒนาไฮเทคต้องไม่ลืม"ปัญหาปากท้องประชาชน"

17 ธันวาคม 2561

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยการพัฒนาประเทศสู่ยุค4.0เป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องไม่ลืมประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังเผชิญปัญหาปากท้อง

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยการพัฒนาประเทศสู่ยุค4.0เป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่ต้องไม่ลืมประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังเผชิญปัญหาปากท้อง

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับเชิญเป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิบรรยายในหัวข้อ “พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ในหลักสูตร Wine and Finance Education Trust ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ

นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดลำดับความสำคัญในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การพัฒนาให้เป็น 4.0 นั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังหาเช้ากินค่ำ ที่ยังมีปัญหาปากท้องอยู่มาก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศยังเป็น 1.0 อยู่ ดังนั้นรัฐบาลต้องให้ความสำคัญและต้องไม่ลืมประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า หลักการที่สำคัญในการลงทุนของภาครัฐก็คือ ควรให้ความสำคัญลำดับแรกในโครงการที่ใช้เทคโนโลยีและแรงงานภายในประเทศ เพราะปัญหาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยก็คือ เม็ดเงินจำนวนกว่า 50% ในโครงการมักจะเป็นการใช้จ่ายไปในเทคโนโลยีของต่างประเทศ จึงทำให้เงินลงทุนของประเทศจากภาครัฐหลุดออกนอกประเทศแทนที่จะเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจของไทยได้หลายรอบ

"สิ่งที่รัฐควรทำ เช่น การขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์ออกไป โดยเชื่อมต่อให้ครบทุกเส้นทาง เพื่อให้ประชาชนสัญจรสะดวก ผมยกตัวอย่างวิถีชีวิตคนไทยมีรถกระบะ 1 คัน ก็ทำมาเลี้ยงชีพได้ ถ้าขยายระยะมอเตอร์เวย์ก็จะสามารถขนผลผลิตท้องถิ่นมาขายใน กทม. และซื้อของจาก กทม. กลับไปขายในท้องถิ่น สร้างรายได้ในคราวเดียวกัน โดยการขยายมอเตอร์เวย์ ให้เชื่อมต่อกันสมบูรณ์เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างงานภายในประเทศที่คุ้มค่า เกิดการใช้แรงงานและเทคโนโลยีของคนไทย จะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนหลายรอบในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งก็จะเป็นการแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนได้โดยตรง และที่ถูกจุดที่สุด อีกทั้งการสนับสนุนให้เกิดการประกอบอาชีพภายในจังหวัดยังเป็นการลดปัญหาความแออัดของผู้คนที่เข้ามาทำกินในกรุงเทพฯ"นายอนุทินกล่าว

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังได้กล่าวถึง พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. ที่ได้ลาออกมาเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนได้มอบหมายให้อยู่ในทีมยุทธศาสตร์และยังเป็นโฆษกของพรรคอีกด้วย โดย พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ ได้เข้ามาช่วยในเรื่องของการทำนโยบายและแนวคิดของพรรค ในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล, ระบบการศึกษา Thailand Sharing University เพื่อเตรียมคนเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 และแนวคิดในด้านเศรษฐกิจแบ่งปันหรือ sharing economy และแนวคิด “กรุงเทพ สะดวก สบาย” ให้เป็นทางเลือกใหม่ของคน กทม.

นายอนุทิน กล่าวว่า ปัญหาการจราจร สร้างความแออัดบนถนน ปัญหามลพิเศษ ปัญหาค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ปัญหาสุขภาพร่างกายจิตใจ และวุฒิภาวะทางอารมณ์ ส่งผลอย่างมากมายต่อคุณภาพชีวิต พรรคภูมิใจไทยจึงมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาต้นทางของชาวกรุงเทพมหานครด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ความทุกข์ของคน กทม. และปริมณฑล คือ เรื่องของปัญหารถติด ทำลายทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เราต้องลดปริมาณรถบนท้องถนน แนวทางของพรรค คือ การให้รถรับจ้างผ่าน แอพพลิเคชั่นเช่น Grab ต้องทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย พร้อมไปกับสนับสนุนให้ประชาชนทำงานออนไลน์อยู่บ้านมากขึ้น work from home และเด็กนักเรียนนักศึกษาต้องสามารถเรียนออนไลน์อยู่บ้านเพื่อลดจำนวนรถบนท้องถนน พร้อมไปกับเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ทำมาหากินสะดวกขึ้น ไม่ยึดติดกับกฎกรอบแบบเดิม และพรรคภูมิใจไทยมองถึง Co-Working Space คือ ให้คนนอกเมือง ได้มาพบปะสร้างสรรค์งานในพื้นที่ ที่ภาครัฐร่วมกับเอกชนจัดให้ และไม่ต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลเพื่อเข้าเมืองอีกต่อไป

"ประเด็นคือการแก้กฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทย ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศ พรรคภูมิใจไทยจะเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ส่วนราชการและข้าราชการทำงานด้วยความอ่อนตัว และสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของประชาชนในทุกรูปแบบ ซึ่งการทำงานที่บ้านหนึ่งวันต่อสัปดาห์บนระบบอินเทอร์เน็ตด้วยคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในยุคดิจิทัลและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศ"นายอนุทินกล่าว