posttoday

"ชยิกา" จี้ คสช.งดใช้ ม.44 แทรกแซงเลือกตั้ง-เชิญต่างชาติมาดู

16 ธันวาคม 2561

ชยิกา เรียกร้องให้ คสช.งดใช้มาตรา 44 แทรกแซงการเลือกตั้ง-ให้ กกต.เชิญนานาชาติร่วมสังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใส

ชยิกา เรียกร้องให้ คสช.งดใช้มาตรา 44 แทรกแซงการเลือกตั้ง-ให้ กกต.เชิญนานาชาติร่วมสังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใส

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.  น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หรือ แซน นายทะเบียนพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ลูกสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร ซึ่งเป็นน้องสาวนายทักษิณ และพี่สาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ สองอดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) งดใช้มาตรา 44 แทรกแซงองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆในช่วงการเลือกตั้ง และให้ กกต.เชิญนานาชาติร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีเนื้อหาสรุปว่า

น.ส.ชยิกา ระบุว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.2562 จะถูกประชาคมโลกจับตามองเป็นพิเศษเพราะมีหลายปัจจัยที่เคลือบแคลงสงสัยเรื่องความยุติธรรมและโปร่งใส เนื่องจาก คสช.ยังมีอำนาจมาตรา 44 เป็นเครื่องมือที่สามารถแทรกแซงองค์กรหรือหน่วยงานต่างได้ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการสร้างบรรยากาศที่ดีก่อนเลือกตั้งด้วยการ งดใช้อำนาจมาตรา 44 แทรกแซงองค์กรอิสระหรือลิดรอนสิทธิประชาชน

ขณะเดียวกัน กกต.ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้ง ควรเร่งพิจารณาเชิญนานาชาติให้เข้าร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง เพื่อแสดงความเป็นอิสระโปร่งใสเพราะการเลือกตั้งที่เสรีเป็นธรรมและน่าเชื่อถือนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในสายตานานาชาติที่จะมองกลับมายังไทย การที่ผู้มีอำนาจอ้างว่าประเทศเจริญแล้วอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไม่มีต่างประเทศเข้ามาเกาะติด ควรเข้าใจบริบทสถานการณ์การเมืองของประเทศที่เจริญแล้วเหล่านั้นด้วยว่าแตกต่างกับเราในขณะนี้อย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ มองว่าภาคประชาชนและนานาประเทศทั่วโลกต่างจับตาการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนตัวมองว่านานาประเทศไม่ได้ต้องการเข้ามาก้าวก่ายอำนาจอธิปไตยไทย แต่อยากเดินหน้าความสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบกับไทยอย่างมิตรประเทศเท่านั้น และถ้าผลลัพธ์วันข้างหน้ายังไม่เป็นประชาธิปไตย ประเทศไทยมีผู้นำที่ชัดเจนว่าเป็นเผด็จการหรือสนับสนุนฝั่งเผด็จการ กฎหมายของประเทศก็ยังคงมีความไม่แน่นอน นานาประเทศก็จะขาดความเชื่อมั่น คนไทยก็จะยังคงเสียโอกาสในการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

นายทะเบียน ทษช. ระบุว่า อนาคตของประเทศอยู่ที่ประชาชนที่ และการเลือกตั้งครั้งนี้คนไทยต้องเลือกข้างให้ชัดเจนระหว่าง “ฟากฝั่งอำนาจเผด็จการ” และ “ฟากฝั่งประชาชน” ถ้าเลือกพรรคการเมืองที่อยู่ข้างประชาชนให้ชนะขาดเท่านั้น ประเทศจึงจะพอจะมีความหวังที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์