posttoday

"ไทยรักษาชาติ"แนะรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ

10 ธันวาคม 2561

“ไทยรักษาชาติ” แนะ รัฐบาล เลิกแก้ตัวแต่ เร่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำ ชี้ 4 ปี รวยเฉพาะกลุ่ม คนส่วนใหญ่ยังลำบาก วอน อย่าทำให้การเลือกตั้งสับสนไม่เป็นธรรม

“ไทยรักษาชาติ” แนะ รัฐบาล เลิกแก้ตัวแต่ เร่งแก้ไขความเหลื่อมล้ำ ชี้ 4 ปี รวยเฉพาะกลุ่ม คนส่วนใหญ่ยังลำบาก วอน อย่าทำให้การเลือกตั้งสับสนไม่เป็นธรรม

นางสาว อนุตตมา อมรวิวัฒน์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า ตามที่นายบรรยง พงษ์พานิช ออกมาเปิดเผย ผลสำรวจของ The Credit Suisse Global Wealth Report 2018 ระบุ คนไทย 1 % ถือครองความมั่นคั่ง หรือมีทรัพย์สินรวม 66.9% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ มีความเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก หลังจากเคยได้อันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน ที่คนไทย 1% ถึงครองความมั่งคั่ง 58% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ แต่ รัฐบาล โดย โฆษกรัฐบาล รมต. ประจำสำนักนายกฯ และ สภาพัฒน์ฯ ออกมาแก้ตัว ยิ่งสร้างความสับสนให้ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลได้หาวิธีการแก้ไขมากกว่าจะเป็นการแก้ตัว

เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา หากพิจารณาตามความเป็นจริงจะพบว่ารายได้เกษตรกรลดลงมากจากราคาพืชผลเกษตรที่ตกต่ำ กระทั่งปัจจุบันราคา ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ฯลฯ ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ค่าแรงขั้นต่ำของกรรมกร ขึ้นน้อยมาก การค้าขายในระดับล่างและระดับกลาง ของธุรกิจ SME เป็นไปอย่างยากลำบาก ใน 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์กลับมีการขยายตัวของกำไรสูงมาก อีกทั้ง มีรายชื่ออภิมหาเศรษฐีของไทยติดอันดับร่ำรวยในการจัดอันดับเศรษฐีโลกเพิ่มขึ้นในนิตยสารระดับโลก และยังมีรายงานว่ามีอภิมหาเศรษฐีไทยร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านในช่วง 4 ปีกว่านี้ แสดงถึงความร่ำรวยที่กระจุกกับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น

แถมการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชาชาติก็อยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอดยิ่งตอกย้ำว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นเข้าไปสู่กระเป๋าคนรวยเท่านั้น คนจนบางกลุ่มนอกจากรายได้ไม่เพิ่มแล้วยังมีรายได้ติดลบอีกด้วย ซึ่ง อาจเรียกได้ว่า รวยกระจุก จนกระจาย โดยในสมัยรัฐบาลก่อนการปฏิวัติความเหลื่อมล้ำยังอยู่อันดับที่ 11 และ แย่ลงมาเรื่อยๆมาเป็นอันดับ 3 เมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ จากการคำนวณบนพื้นฐานเดียวกัน แสดงถึงแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ตลอด 4 ปี ไม่ได้ผล และต้องแก้ไขปรับปรุง หากไม่ปรับปรุงจะยิ่งเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น คำแก้ตัวคงไม่ช่วยอะไรได้

ดังนั้นจึงอยากเห็นแนวทางการแก้ไขที่เห็นผลจริง เป็นรูปธรรม และการแจกเงินที่เป็นอยู่คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นอกจากนี้ ยังอยากให้รัฐบาลสร้างบรรยากาศที่ดี และโปร่งใสในการเลือกตั้งที่ใกล้จะเกิดขึ้นนี้ หลังจาก การแจกเงินที่เสมือนหนึ่งอาจเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า การแบ่งเขตที่เอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรคแล้ว

ล่าสุดนี้ การจะพิมพ์บัตรเลือกตั้งโดยไม่ใส่ชื่อผู้สมัคร และ โลโก้พรรค น่าจะสร้างความสับสนให้กับประชาชน ขนาดสหรัฐอเมริกามีเพียงไม่กี่พรรค ยังมีการใส่ชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรค เพื่อกันความสับสนให้กับผู้ลงคะแนน ซึ่งหากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม และไม่เป็นที่น่าเชื่อถือจากในประเทศและจากสายตานานาชาติแล้ว เศรษฐกิจไทยอาจจะยิ่งย่ำแย่ขึ้นไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก ท้ายสุด ไม่อยากให้รัฐบาลถูกมองว่าพยายามเอาเปรียบในทุกด้านเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง