posttoday

รัฐบาลย้ำเทงบช่วยคนจนไม่ได้หวังผลการเมือง

21 พฤศจิกายน 2561

พุทธิพงษ์ ยืนยัน รัฐบาลทุ่มงบกว่า 8 หมื่นกว่าล้านช่วยผู้มีรายได้น้อยไม่ได้หวังผลการเมือง แจงนโยบายคิดมาเป็นปีแล้ว ขออย่ามองพรรค พปชร.ได้ประโยชน์

พุทธิพงษ์ ยืนยัน รัฐบาลทุ่มงบกว่า 8 หมื่นกว่าล้านช่วยผู้มีรายได้น้อยไม่ได้หวังผลการเมือง แจงนโยบายคิดมาเป็นปีแล้ว ขออย่ามองพรรค พปชร.ได้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติงบประมาณ 86,994 ล้านบาท เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า  หลายๆเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น ยกตัวอย่างผู้สูงอายุที่ต้องมีงบฯลงไปดูแล เพราะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การที่เราดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่วันนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี และชัดเจนงบฯที่สนับสนุนลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1 พันบาท ค่าเช่าที่อยู่อาศัย เราเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เราอย่าทิ้งคนที่มีพระคุณกับเรา ที่ช่วยปกป้องดูแล เลี้ยงดูพวกเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คิดว่าสังคมไทยไม่มีใครทิ้งผู้สูงอายุที่มีพระคุณ ถ้าเราไม่ดูแลผู้มีพระคุณหรือผู้สูงอายุก่อนเราคงทำอะไรลำบาก คิดว่าเป็นจุดที่เหมาะสมควรทำ และรัฐบาลต่อไปก็น่านำไปสานต่อให้ได้

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณจำนวนมากให้ผู้มีรายได้น้อยเพื่อหวังผลการเมือง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทุกนโยบายที่ทำขึ้นไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้ หรือคิดเมื่อวานแล้วทำวันนี้ ทุกอย่างมีการสอบถาม ตรวจสอบ ลงไปในพื้นที่ดูปัญหาจริงๆว่า ปัญหาผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุคืออะไรแล้วเอามาสังเคราะห์ ประกอบกับต้องดูงบฯมีเพียงพอหรือไม่ แล้วเท่าไหร่จะเหมาะสม เท่าเทียมกัน คิดว่ารัฐบาลไม่ได้ดูเฉพาะตรงนี้ ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ต้องดูแล
         
ส่วนที่มีการมองกันว่าในทางการเมืองพรรคพลังประชารัฐได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า การทำโครงการต่างๆอย่าไปมองว่าพรรคไหนได้ประโยชน์ ตนมองว่าประชาชนทุกคนได้ประโยชน์คือคนที่ใช้สิทธิได้ประโยชน์ เพราะไม่ได้หมายความว่าการได้ประโยชน์แล้วจะไปเลือกพรรคไหน มันเป็นการช่วยเหลือประชาชนส่วนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ต้องมาตัดสินใจอีกที ใครคือคนที่ให้ประโยชน์และให้โอกาสกับเขา และคิดว่าในอนาคตจะให้ความมั่นใจบริหารประเทศต่อไปในทุกนโยบาย ไม่ใช่นโยบายเรื่องนี้เรื่องเดียว การนำพาไปสู่พรรคการเมือง และการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายการดูแลใน 1-2 เรื่อง แต่หมายถึงการดูประเทศที่มีตั้งเยอะ เชื่อว่าสุดท้ายประชาชนจะไปดูในภาพรวมการบริหารประเทศนั้น ใครควรได้บริหารประเทศต่อไป เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อนโยบายใดนโยบายหนึ่งเท่านั้น และในอนาคตจะมีความชัดเจนมากขึ้น