posttoday

“พิชัย” เตือน “สมคิด” อย่าทำลายความเชื่อมั่น ปมบอกนายกฯ หลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม

02 พฤศจิกายน 2561

อดีต รมว. พลังงาน เตือน “สมคิด” อย่าทำลายความเชื่อมั่น ที่บอกนายกฯ หลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม ชี้ ส่งออก ท่องเที่ยว ตกหนัก ทำจีดีพีปลายปีทรุด เย้ย อันดับทำธุรกิจตกอีก

อดีต รมว. พลังงาน เตือน “สมคิด” อย่าทำลายความเชื่อมั่น ที่บอกนายกฯ หลังเลือกตั้งหน้าคล้ายคนเดิม ชี้ ส่งออก ท่องเที่ยว ตกหนัก ทำจีดีพีปลายปีทรุด  เย้ย อันดับทำธุรกิจตกอีก

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ออกมาประกาศต่อหน้า ซีอีโอ บริษัทต่างประเทศกว่า 400 คน ในงาน Forbes Global CEO conference  ว่านายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหน้าตาคล้ายคนเดิม เพราะอาจจะยิ่งทำลายความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่ำอยู่แล้วให้ยิ่งต่ำลงไปอีก เพราะตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่านักลงทุนต่างประเทศไม่มีความมั่นใจในรัฐบาลนี้ จากยอดการลงทุนจากต่างประเทศที่หดหายไปมาก ยิ่งบอกเหมือนว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนจากเดิมก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจหดหายไปอีก และการที่นายสมคิดประกาศว่าประเทศไทยไม่ใช่คนป่วยของเอเชียอีกต่อไปแล้ว อาจจะเป็นประกาศที่เร็วเกินไป เพราะ 4 ปีกว่าที่ผ่านมาไทยโตได้ต่ำมากเฉลี่ยเพียง 2% กว่าเท่านั้น พึ่งจะมาฟื้นได้ปีนี้ที่ 4% กว่า ซึ่งก็ยังโตต่ำที่สุดในอาเซียน อีกทั้งมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะทรุดลงต่ออีกแล้ว จากการส่งออกที่ติดลบในเดือนกันยายนที่ 5.2 % และมีแนวโน้มที่การส่งออกจะติดลบต่อถึงสิ้นปีจนถึงต้นปีหน้า ประกอบกับการที่ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ลดลงถึง - 80.61% ในเดือน ตุลาคม และ ก่อนหน้านี้ก็ติดลบมา 3 เดือนติดกันแล้วที่ -22.17%, -36.49% และ - 39.20% ซึ่งเป็นผลจากคลิปที่นักท่องเที่ยวจีนถูกเจ้าหน้าที่ ตม. ตบหน้าข้อหาที่ไม่ยอมทิป ได้ถูกกระจายไปทั่วประเทศจีน ซ้ำเติมกับการสื่อสารที่ผิดพลาดและการจัดการเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตอย่างไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มถดถอยจากสงครามการค้ากับสหรัฐ ดังนั้น จีดีพี ของไทยในครึ่งปีหลังของปีนี้น่าจะออกมาต่ำลง ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงจีดีพีในปีหน้าด้วย หากรัฐบาลยังเป็นรัฐบาลเดิมที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นการฟื้นเพียงชั่วคราวที่เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นเท่านั้น และโตจากฐานเดิมที่ต่ำมากติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว และเริ่มที่จะปักหัวลงอีก ไม่ได้มาจากการฝีมือของรัฐบาลแต่อย่างไร เพราะขนาดอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจที่ปีที่แล้วที่รัฐบาลโม้ว่าดีขึ้นมาอยู่อันดับที่ 26 หรือดีขึ้นมา 20 อันดับจากอันดับ 46 แต่ยังต่ำกว่าก่อนปฏิวัติที่อันดับที่ 18 มาก โดยอันดับได้ตกหนักหลังการปฏิวัติ  และรัฐบาลได้ประกาศว่าปีนี้จะต้องดีขึ้นเท่าก่อนปฏิวัติ แต่กลับทรุดตกลงไปอยู่ที่อันดับที่ 27 ยิ่งตอกย้ำความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลนี้ และแสดงให้เห็นว่าหลังการปฏิวัติการทำธุรกิจในประเทศไทยยากลำบากขึ้นมาก ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนได้ช่วยพิจารณาว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้สร้างไว้หลายด้านทั้ง การลงทุน การส่งออก การท่องเที่ยว ที่ลดลงหนัก การกระจายรายได้ที่รวยกระจุก จนกระจาย  อีกทั้งการบริหารจัดการที่มีปัญหามาโดยตลอด หากเป็นรัฐบาลชุดเดิมคงไม่สามารถจะแก้ปัญหาได้และเศรษฐกิจอาจทรุดหนักลงอีก