นายกฯเผยเปิดช่องทางสื่อโซเชียลรับฟังข้อเสนอแนะประชาชน

บิ๊กตู่เผยเด็กตจว.ส่งอินบ็อกซ์มาขอคำปรึกษาในเฟซบุ๊ก"ตั้งใจทำอะไรเพื่อส่วนรวมแต่ถูกคนพูดบั่นทอนจิตทำไงดี"ก็ขอให้อดทนทำความดียึดมั่นในความตั้งใจให้ประเทศมีความสุขข่มเย็น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนว่า  นายกฯได้เริ่มมีเว็บไซต์ส่วนตัว และ ช่องทางการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ไปพร้อมกันเพื่อต้องการใช้เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน ในรูปแบบ “การสื่อสาร 2 ทาง”   นอกจากจะเป็นช่องทางที่ประชาชนจะสามารถรับรู้ รับทราบ และเข้าใจ ถึงการทำงานและนโยบายของผม และรัฐบาลได้สะดวกขึ้น แล้ว ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถจะส่งข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อันเป็นประโยชน์ หรือ แจ้งความต้องการให้รัฐบาลทราบ เพื่อจะได้ลงไปดูแล หรือแก้ปัญหาในเรื่องใด ก็สามารถแจ้งเข้ามา ส่งข้อมูลเข้ามาได้ ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยี และโซเชียลมีเดียมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการทำงานของรัฐบาล

ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนะครับ  ก็มีพี่น้องประชาชนเขียนเข้ามา มากมายก็ได้ติดตามอ่านอยู่อย่างสม่ำเสมออะไรที่ตอบได้เองก็จะตอบไป แล้วก็จะมีทีมงานที่ช่วยคอยติดตามด้วย เพื่อจะรวบรวม สรุปข้อคิดเห็น และปัญหาต่างๆ เป็นหมวดหมู่ แจ้งให้ได้ทราบ เป็นระยะๆเพื่อจะได้แก้ไขปัญหา ในอนาคต จะหาเวลามาชี้แจง และ ตอบในประเด็นคำถามสำคัญๆ ตามช่องทางดังกล่าวด้วยตัวเองอีกด้วย

"ล่าสุดในเฟซบุ๊ก มีเด็กนักเรียนจากต่างจังหวัด เขียนมาขอคำปรึกษาว่า “ทำไมเวลาตั้งใจจะทำอะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม มักมีคนเข้ามาพูดบั่นทอนจิตใจ ไม่ให้กำลังใจ ทำให้บางทีรู้สึกท้อแท้ เมื่อได้อ่าน ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ต้องเจอกับสิ่งที่ผมเจออยู่บ่อยครั้ง ผมจึงขอเป็นกำลังใจให้ อยากจะบอกว่า ขอให้อดทน เราต้องไม่ท้อแท้ในการทำความดี ทำประโยชน์เพื่อสังคม  อย่าปล่อยให้คำบั่นทอน หรือคำต่อว่า มาทำให้เป็นอุปสรรคในการทำความดี แต่ให้ยึดมั่นในความตั้งใจดี ทำให้ดี และ ทำให้มากขึ้น ถ้าในสังคม และประเทศไทยของเรามีคนอย่างเด็กคนนี้ มากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เชื่อว่า ประเทศจะสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุข และสงบร่มเย็นด้วย" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า  ส่วนในอินสตาแกรม มีเรื่องของการปฎิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศ ให้ยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลเอง อยู่ระหว่างการเร่งหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม สำหรับประเทศไทย เพื่อให้ก้าวตามทันกับโลก ที่เปลี่ยนเร็วมาก และถ้าหากระบบการศึกษาของเรา ยังไม่เปลี่ยน วันนี้เราก็ทำหลายอย่างไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลาในการให้เกิดผลผลิตออกมาที่มีผลสัมฤทธิ์โดยรวม เพราะว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนแล้ว ทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและ การสร้างสังคมความเป็นอยู่ที่ดี อาจพบกับความยากลำบาก ในการดำรงชีวิต หรือในการทำธุรกิจ เพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศได้

ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนมีความคิดเห็นหรือ ข้อเสนอในการปรับปรุงระบบการศึกษาเพิ่มเติม ก็สามารถจะส่งกันเข้ามาได้ อยากให้ช่วยกันคิด ถ้าอยากให้ทำอะไรถ้าเป็นไปได้ก็กรุณาแนะนำด้วยแล้วกัน ถ้าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นเป็นประโยชน์นะครับ หรือจะเสริมเติมต่อในส่วนของรัฐบาลด้วย ทั้งนี้เพื่อให้นโยบาย ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชน และประเทศ ให้ได้มากที่สุด

ที่สำคัญ ก็คืออยากให้เป็นการแสดงความคิดเห็นแบบมีเหตุ มีผลยอมรับความเห็นที่อาจจะแตกต่างกันได้ แล้วก็ขอให้ใช้คำพูดที่สุภาพด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการทุจริต  เรื่องปัญหายาเสพติดเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ก็ช่วยกันส่งกันเข้ามาเยอะแยะ  ทั้งหมดจะเก็บไว้เป็นข้อมูล และเร่งตรวจสอบ ดำเนินการให้  ขอฝากหน่วยงานในพื้นที่ ได้กวดขัน ดูแล และแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเข้มงวด และใกล้ชิด บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ตามลำดับชั้นลงไป เพราะผมถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก