posttoday

"บิ๊กตู่"ปลื้มกทม.ติดอับดับ1เมืองสุดยอดจุดหมายปลายทาง

29 กันยายน 2561

นายกฯ ปลื้ม 3 เมืองท่องเที่ยวไทย "กทม.-ภูเก็ต-พัทยา" ติด 1 ใน 20 สุดยอดจุดหมายปลายทางโลก แนะคนไทยภาคภูมิใจ ร่วมสร้างสิ่งดี ๆ ให้บ้านเมือง

นายกฯ ปลื้ม 3 เมืองท่องเที่ยวไทย "กทม.-ภูเก็ต-พัทยา" ติด 1 ใน 20 สุดยอดจุดหมายปลายทางโลก แนะคนไทยภาคภูมิใจ ร่วมสร้างสิ่งดี ๆ ให้บ้านเมือง

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่กรุงเทพมหานครได้รับการโหวตให้เป็นเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ด ฉบับที่ 7 ประจำปี 2561 ซึ่งถือเป็นการครองอันดับ 1 ครั้งที่ 5 ในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2555 และต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วโดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาพักแรมในปี 2560 จำนวน 20.05 ล้านคน ระยะเวลาพักแรมโดยเฉลี่ย 4.7 คืน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน 173 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,500 บาท

นอกจากนี้ ภูเก็ตและพัทยาติดโผเข้ามาอยู่ใน 20 อันดับแรกด้วย โดยอยู่ในลำดับที่ 12 และ 18 ตามลำดับ โดยจ.ภูเก็ตมีจำนวนผู้พักแรม 9.29 ล้านคน ส่วนพัทยามีผู้พักแรม 8.67 ล้านคน

ทั้งนี้ มาสเตอร์การ์ดระบุว่า การที่ประเทศไทย เป็นประเทศเดียวที่มีเมืองน่าเที่ยวถึง 3 แห่งติดอยู่ใน 20 อันดับแรก สะท้อนถึงโครงสร้างพื้นฐานที่มีเสถียรภาพ การผสมผสานที่ลงตัว ระหว่างการเดินทางมาทำงานและพักผ่อน รวมไปถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในโลก ยิ่งไปกว่านั้น ความพยายามของหน่วยงานภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาระดับการเติบโตที่เหนือกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยรัฐบาลไทยได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ขยายข้อยกเว้นให้กับนักท่องเที่ยวที่พักระยะสั้น ดูแลความปลอดภัย และสร้างความประทับใจ รวมทั้งยังเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกหลายรายการในปีที่ผ่านมา

"นายกฯ ขอบคุณนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่โหวตให้เมืองต่าง ๆ ของไทยเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางที่น่าท่องเที่ยว โดยรัฐบาลยืนยันว่านักท่องเที่ยวคือแขกพิเศษของคนไทย จึงต้องการให้ทุกคนเกิดความประทับใจ มีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย และอยากจะกลับมาอีกในอนาคต ส่วนคนไทยทุกคนควรมีความภาคภูมิใจใน ประเทศไทย สร้างสิ่งดีดีให้เกิดขึ้นกับบ้านเมือง เพราะแม้ต่างชาติยังชื่นชมในความดีงามของเรา"พล.ท. สรรเสริญ กล่าว