posttoday

สนช.ถกร่างกฎหมายทรัพยากรน้ำ28ก.ย.นี้ ยันไม่มีเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกร

27 กันยายน 2561

สนช.พิจารณาร่างกฎหมายทรัพยากรน้ำ 28 ก.ย.นี้ ยันไม่มีการเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกร เผย แก้ไขใหญ่ใน 3 เรื่องเน้นการบริหารจัดการน้ำที่เข้มแข็ง

สนช.พิจารณาร่างกฎหมายทรัพยากรน้ำ 28 ก.ย.นี้ ยันไม่มีการเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกร เผย แก้ไขใหญ่ใน 3 เรื่องเน้นการบริหารจัดการน้ำที่เข้มแข็ง

พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงว่า การประชุมสนช.ในวันที่ 28 ก.ย.จะมีการพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยคณะกมธ.ได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายดังกล่าว 3 ประเด็นด้วยกัน

1.เรื่องโครงสร้างอค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะกมธ.ได้แก้ไขให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) รวมทั้งกำหนดให้มีศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจในภาวะที่เกิดปัญหาวิกฤติน้ำ เพื่อให้สอดรับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

2.กำหนดให้มีผังน้ำ ซึ่งจะเป็นแผนที่แผนผังที่จะแสดงระบบทางน้ำทั้งประเทศ กล่าวคือ ต่อไปหากจะมีการใช้ประโยชน์ที่ดินที่อยู่ในระบบทางน้ำตามผังน้ำจะต้องไม่ให้เกิดการเบี่ยงเบนทางน้ำหรือกระแสน้ำหรือการกีดขวางการไกลของน้ำในระบบทางน้ำ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาน้ำแล้งหรือน้ำท่วมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3.คณะกมธ.แก้ไขเพิ่มเติมให้การบริหารทรัพยากรน้ำตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ประกอบด้วย (1) น้ำสาธารณะที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ (2) น้ำในทางน้ำชลประทาน และ (3) น้ำบาดาล เพื่อให้ร่างพ.ร.ฉบับนี้เป็นกฎหมายกลางในการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างแท้จริงและเกิดความประสานสอดคล้องกันในทุกมิติ

ประธานคณะกมธ. กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องการจัดเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกรนั้นยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เคยอยู่ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนของการเสนอกฎหมายเข้ามายังสนช.ในวาระ หรือ การแก้ไขเพิ่มเติมในชั้นคณะกมธ. เพียงแต่จะมีเรื่องการจัดสรรการใช้น้ำและการเก็บค่าใช้น้ำเฉพาะกรณีของภาคอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมอื่นๆที่มีการใช้น้ำในปริมาณมากเท่านั้น โดยกฎหมายจะได้กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปต้องกำหนดความชัดเจนในเรื่องการจัดเก็บค่าใช้น้ำต่อไป ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วย