posttoday

"เราแตกต่างได้ไม่แตกแยก"นายกฯชูโมเดลลดขัดแย้งทางความคิด

21 กันยายน 2561

นายกฯชูโมเดลลดขัดแย้งทางความคิดเตือนใจไม่แตกแยก ชวนคนไทยส่งใจให้แนวหน้า แนะสร้างเยาวชนเก่งดีมีภูมิคุ้มกัน เล็งปั้นนักบริบาลชุมชนคืนสุขผู้สูงอายุ

นายกฯชูโมเดลลดขัดแย้งทางความคิดเตือนใจไม่แตกแยก ชวนคนไทยส่งใจให้แนวหน้า แนะสร้างเยาวชนเก่งดีมีภูมิคุ้มกัน เล็งปั้นนักบริบาลชุมชนคืนสุขผู้สูงอายุ

"ชูโมเดลลดขัดแย้ง"

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งถึงการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเลยและเพชรบูรณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ที่ หากเรามองย้อนกลับไปหลายปีก่อน พื้นที่บริเวณรอยต่อของจังหวัดเลย เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก เดิมเคยเป็นพื้นที่ที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่ต่อสู้กับอำนาจรัฐนานนับสิบปี ในช่วงเวลานั้นมีความต่างทางความคิดในพื้นที่สูง จนนำไปสู่การต่อสู้ทางอุดมการณ์ ความเชื่อ ที่รุนแรง แต่ปัจจุบันเหตุการณ์ทั้งหมดได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ และเป็นสิ่งคอยเตือนใจให้เราเรียนรู้ว่าความแตกต่างไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ความแตกแยกเสมอไป หากเรารู้จักเรียนรู้ เข้าใจ บริหารจัดการและพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ไม่ปล่อยให้ใครรู้สึกว่าถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

"ชวนคนไทยส่งใจให้แนวหน้า"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจ และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ช่วยส่งกำลังใจไปถึงแนวหน้า ทั้งอาสาสมัครทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกคน ที่ปฏิบัติตามแนวตะเข็บชายแดน หรือแนวพื้นที่ห่างไกล เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ ภารกิจการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข

"สร้างเยาวชนเก่งดีมีภูมิคุ้มกัน"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า ในวันที่ 20 ก.ย.ของทุกปีจะเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ในส่วนของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการที่จะส่งเสริมให้เยาวชน ได้มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เจริญเติบโตสมตามวัย ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความเข้าใจในการดำรงชีวิตตามกฎระเบียบของสังคม ตระหนักถึงความสำคัญของตนเอง ที่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต พร้อมที่จะเติบใหญ่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ รวมทั้งเป็นพลเมืองดีมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคมในอนาคต ทั้งนี้การจะสร้างคนให้ เก่ง ดี และมีภูมิคุ้มกันนั้น ย่อมเป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับบ้านเมืองในอนาคต ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยจะต้องส่งเสริมให้เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิรูปและการสร้างชาติในอนาคต โดยการบริหารจัดการด้านการศึกษา ที่จะต้องมุ่งเสริมสร้างทักษะชีวิต สำหรับเด็กและเยาวชนสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติและยึดถือในชีวิตประจำวัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า มีเยาวชนไทยที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ อาทิ คณะนักร้องประสานเสียงสวนพลูที่ชนะเลิศในงานเทศกาลและการประกวดร้องประสานเสียงนานาชาติ ครั้งที่ 2 ที่เมืองคอร์ฟู ประเทศกรีซ ซึ่งเทียบเท่ากับการแข่งขันโอลิมปิกด้านดนตรี โดยสามารถคว้ารางวัล 3 เหรียญทองจาก 3 สาขาที่เข้าแข่งขัน หรือคณะนักเต้นเยาวชนของไทย คว้ารางวัลชนะเลิศประเภทต่างๆ ทั้งแบบเดี่ยวประเภทคู่ และประเภทกลุ่ม ในรายการเต้นที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 20 ณ ประเทศสิงคโปร์ และคณะวงดุริยางค์สากล จากโรงเรียนสุรนารีวิทยา ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในรายการ Singapore International Band Festival 2018 ที่ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของคน ที่นำชื่อเสียงสร้างความภาคภูมิใจมาสู่คนไทยทั้งชาติ ขอขอบคุณเยาวชนไทยที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ และขอบคุณผู้ฝึกสอน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทย

"ปั้นนักบริบาลดูแลผู้สูงอายุ"

นอกจากนี้ จากการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดลพบุรี และได้ไปเยี่ยมชมโครงการบ้านสุขภาวะผู้ป่วยเรื้อรังและผู้สูงอายุ ที่ตำบลเขาพระงาม ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดี ในการดำเนินการดูแลประชาชน ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันเราจะมีผู้อายุมากกว่า 60 ปีมากกว่า 10 ล้านคน หรือประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอีกประมาณ 10 ปี จะมีจำนวนเพิ่มเป็น 20 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ

ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจำนวนมากจัดอยู่ในภาวะเปราะบางโดเพราะผู้สูงอายุบางส่วนมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน นอกจากนั้นยังพบว่าผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวหรืออยู่ตามลำพังกับผู้สูงอายุด้วยกันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก รัฐบาลจึงได้เตรียมการที่จะช่วยเหลือ โดยคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ได้มีมติเพิ่มสิทธิให้กับผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง มีสิทธิที่จะได้รับการดูแลจากรัฐ โดยในปลายเดือนนี้คณะกรรมการกระจายอำนาจจะได้มอบเรื่องการจัดจ้างนักบริบาลชุมชน ที่จะมาดูแลผู้สูงอายุในภาวะติดเตียง โดยให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่น เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง และตรงจุด ซึ่งเรื่องนี้ใช้งบประมาณไม่มากนัก และถ้าเราทำได้ผู้สูงอายุก็จะได้รับการดูแลที่เหมาะสม เป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยอีกทางหนึ่ง.