posttoday

คิกออฟ60วัน กกต.จังหวัดแบ่งเขตเลือกตั้ง

19 กันยายน 2561

กกต.เดินหน้าแบ่งเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หลังออกระเบียบว่าด้วยแบ่งเขตเลือกตั้งสส.และการแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด

กกต.เดินหน้าแบ่งเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หลังออกระเบียบว่าด้วยแบ่งเขตเลือกตั้งสส.และการแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า การออกระเบียบว่าด้วยแบ่งเขตเลือกตั้งสส.และการแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด โดยกกต.ประมาณการว่าเมื่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีเวลา 90 วัน ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยจะแบ่งเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน และ 30 วันที่เหลือเปิดให้พรรคการเมืองตั้งกรรมการสรรหาคัดเลือกผู้สมัคร

ทั้งนี้ ซึ่งขั้นตอนการแบ่งเขตจะเริ่มในวันนี้ (19ก.ย.) คือ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดใช้เวลา 14 วันนับจากวันนี้เป็นต้นไปเพื่อกำหนดรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบ โดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ในข้อ 6 ของระเบียบกกต.ว่าด้วยการแบ่งเขตฯ อาทิ การคำนึงถึงพื้นที่ที่ติดต่อใกล้ชิดกัน การอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 3 ต.ค. 2561 จากนั้นภายใน 10 วัน ผอ.กกต.ประจำจังหวัดจะติดประกาศให้ประชาชน พรรคการเมืองทราบเพื่อรับฟังความคิดเห็น

อย่างไรก็ดี เมื่อครบกำหนดก็จะใช้เวลา 3 วันในการประมวลความเห็นและปรับปรุงทั้ง 3 รูปแบบ คือ วันที่ 13 ต.ค. ก่อนส่งให้กกต.พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน ซึ่งก็จะครบกำหนดในวันที่ 5 พ.ย. จากนั้นเป็นขั้นตอนให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 6 พ.ย. รวมแล้วประมาณ 55 วัน หากทำเร็วก็จะทำให้พรรคการเมืองมีเวลาในการหาตัวผู้สมัครโดยไม่น้อยกว่า 30 วัน

“ยืนยันว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นไปตามหลักการเรื่องจำนวนราษฎรและจำนวนสส.ที่เปลี่ยนแปลงไป กกต.ไม่ได้คำนึงว่าจะต้องให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นธรรม จึงไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น”ประธาน กกต. ระบุ

ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรี ระบุมีขบวนการชักชวนประชาชนให้กาบัตรเสียนั้น หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ กกต.ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน และหากมีมูลก็ต้องรีบดำเนินการหาหลักฐาน แต่ในฐานะ กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งและทำให้เกิดความมั่นใจว่ามีความพร้อมที่จะดำเนินการ ส่วนการหาเสียงยังต้องอยู่ภายใต้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 57/ 2557 จนกว่าจะมีการเปิดโอกาสให้มีการหาเสียงได้ ซึ่งการหาเสียงต้องไม่กระทบกับการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม

“ในฐานะ กกต. ทุกอย่างชัดเจนแล้ว มีกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และ การได้มาซึ่ง ส.ว. กฎหมาย ส.ว.มีผลแล้ว กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผล 11 ธันวาคม ทำให้มั่นใจ การออกระเบียบ เตรียมบุคคลากร เราจะมีการเลือกตั้ง 150 วัน หลังจากนั้น ทุกคนต้องมีความพร้อม ข่าวก็เป็นความเห็นของปัจเจกบุคคลที่มีความห่วงใยได้”นายอิทธิพร กล่าว

ส่วนการเชิญพรรคการเมืองประชุมในวันที่ 28 ก.ย.นั้น เพื่อเป็นการสร้างความชัดเจน และความเข้าใจร่วมกัน เพื่อตอบข้อสงสัย ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากมาย สำหรับในเรื่องของการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์หาเสียงนั้น ขณะนี้คสช.ก็ยังไม่ได้มีการประสานมากกต.เพื่อที่จะให้มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามในการประชาสัมพันธ์หรือติดต่อสื่อสารที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 กำหนดให้พรรคสามารถใช้โซเชียลมีเดียติดต่อสื่อสารกับผู้ดำรงตำแหน่งภายในพรรคและสมาชิกพรรคได้ ถือเป็นการคลายล็อคแล้ว แต่การจะหาเสียงคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ซึ่งห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองยังคงอยู่ และคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนยังอยู่ ดังนั้น จึงยังหาเสียงไม่ได้

ส่วนความคืบหน้าการยกร่างระเบียบกกต.ว่าด้วยการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างน่าพอใจ ถ้าถึงเวลาที่มีการหาเสียงได้ กกต.คงไม่ห้ามหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่หาเสียงอย่างไรให้เหมาะสม ไม่กระทบกับการเลือกตั้ง เพราะการโจมตีกันในทางกฎหมายอาญาก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้นระเบียบที่ออกมา คงไม่ถึงกับควบคุม เพียงแต่อาจจะมีบทบัญญัติ ว่าจะทำอะไรให้แจ้ง ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้ข้อยุติ

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กรณีนายกรัฐมนตรีระบุบางพื้นที่มีการเชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งไปทำให้บัตรเสีย หรือโหวตโนนี้ย หากมีการกระทำลักษณะดังกล่าว กกต.จังหวัดก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานจาก กกต.จังหวัดถึงเรื่องดังกล่าวมายัง กกต.กลางแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน กกต.ก็จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวิธีที่ถูกต้อง ส่วนที่นายกฯ ระบุว่าจะให้พรรคการเมืองหาเสียงได้หลังวันที่ 16 ธ.ค.นั้น ในส่วนของ กกต. เห็นว่าการหาเสียงจะเริ่มได้หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง