เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชิญ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มาหารือ กรณีการพิจารณารับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เข้ารับราชการที่สำนักงาน ป.ป.ท. ขอนแก่น หลังจากที่ น.ส.ปณิดา ไม่ประสงค์จะทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง
นายวิษณุ เปิดเผยภายหลังว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังน้องแบบเป็นการส่วนตัว ทราบว่า น้องแบมเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขณะนี้กำลังศึกษาต่อออนไลน์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยทุนของมหาวิทยาลัย จากการสอบถาม น้องแบมสนใจเข้ามาทำงานกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แต่ต้องการทำที่ จ.ขอนแก่น จึงให้เจ้าหน้าที่ประสานงานให้ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พิจารณา พบว่ามีช่องทางที่สามารถทำได้โดยถูกกฎหมาย ในกรณีที่มีผู้ใดเป็นที่ต้องการของราชการ และเป็นผู้มีคุณงามความดีพิเศษ เหมือนกับที่เคยบรรจุนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศเข้ารับราชการ โดยจากนี้จะให้สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอเรื่องเข้ามายัง ก.พ. เพื่อขอพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งสามารถทำได้กับทุกรายที่อยู่ในข่ายเดียวกัน
นายวิษณุ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการลําเอียงหรือการเลือกปฏิบัติ เพราะเป็นหลักเกณฑ์หนึ่ง ในการเสาะแสวงหาบุคคลบางประเภท เพื่อเข้ารับราชการ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ น.ส.ปณิดา ต้องสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไปของสำนักงาน ก.พ. ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องโควต้าเข้ารับราชการ เชื่อว่า ขั้นตอนการดำเนินการ จะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งนายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธาน อ.ก.พ. ก็ได้รับปากจะพิจารณาให้ โดยจะพิจารณาจากวุฒิการศึกษาและรายละเอียดอื่นประกอบด้วย
ส่วนที่มีการยกกรณีบุตรหลานของข้าราชการทหารตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่มาเปรียบเทียบกับเรื่องนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า การเข้ารับราชการมีหลายรูปแบบ และหลายหลักเกณฑ์ บางครั้งอาจสอบเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะบุคคล และในกรณีทั่วไป จะมีการสอบแข่งขันกับคนจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ไม่ใช่การกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อน้องแบมโดยเฉพาะ และว่า “ยืนยันว่า จะไม่ใช้หลักเกณฑ์ลักษณะนี้พร่ำเพรื่อ เพื่อไม่ให้มีการบรรจุลูกท่านหลานเธอวิ่งเต้นเส้นสายกัน”
ด้าน พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ปณิดา ถือว่ามีความกล้าหาญที่ออกมาเปิดเผยและเปิดโปงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ถือเป็นคนดีที่ควรยกย่อง เชิดชู ซึ่ง น.ส.ปณิดามีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว สังคมและราชการไม่ควรจะทอดทิ้ง เพราะสิ่งที่ น.ส.ปณิดาได้ทำน่าจะเกิดประโยชน์กับแผ่นดินมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้ารับราชการในสำนักงาน ป.ป.ท. บางคนอาจจะรับไม่ได้ พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า การสอบแข่งขันมีตามปกติ
เมื่อถามย้ำว่า เหตุใดจึงไม่ให้สอบเข้าตามขั้นตอนปกติก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือในภายหลัง พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า กรณีนี้มีความเห็นเกิดขึ้น 2 ทาง คือ บางคนเห็นว่าคนอย่าง น.ส.ปณิดา น่าจะให้เข้ารับราชการ ช่วยดูแลและยกย่อง แต่ความเห็นอีกทางหนึ่งมองว่าต้องผ่านระบบสอบคัดเลือก ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่อง 2 มาตรฐาน จึงมี 2 แนวทางว่าจะเลือกอย่างไร แต่พอดีเราเห็นว่ามีช่องทางให้สามารถทำได้ ซึ่งเคยทำมาแล้ว และคนอย่างนี้เข้ามาทำงานในสำนักงาน ป.ป.ท. ถือว่าเหมาะสม ตรงกับสิ่งที่เขาแสดงออกมาหรือทำ