posttoday

"บิ๊กตู่"ฉุนสื่อต่อปากต่อคำ ไล่พ้นทำเนียบฯ

24 สิงหาคม 2561

นายกฯเผยถกคสช. คลายล็อกการเมือง สัปดาห์หน้า ฉุนสื่อ บอกอย่ามาต่อปากต่อคำ ไล่พ้นทำเนียบฯ

นายกฯเผยถกคสช. คลายล็อกการเมือง สัปดาห์หน้า  ฉุนสื่อ บอกอย่ามาต่อปากต่อคำ ไล่พ้นทำเนียบฯ

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การประชุม คสช. 28 ส.ค. จะประชุม คสช. เพื่อพิจารณาคลายล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ซึ่งรายละเอียดนั้นขอให้ไปถามจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาแล้วว่ามีข้อติดขัดเรื่องใดบ้าง และหากที่ประชุมเห็นชอบก็จะดำเนินการตามที่เสนอต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวคงไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้ทั้งหมด เพราะได้แบ่งงานให้แต่ละกลุ่มทำอยู่แล้ว ทั้งนี้เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ได้แปลว่ากฎหมายที่เขียนออกมาผิดพลาด เพราะกฎหมายที่ออกมานั้นก็มุ่งหวังให้มีความยั่งยืน นำไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองได้ แต่เมื่อออกมาแล้วเกิดปัญหา ต้องย้อนถามว่าการเมืองต้องการปฏิรูปหรือไม่ ถ้าไม่อยากก็คงจะเกิดปัญหาเหมือนเช่นที่ผ่านมา ดังนั้นขอย้ำว่า สิ่งใดที่รัฐบาลทำได้ก็จะทำให้ เพื่อไม่ให้ปัญหาวนกลับมาอีกในวันข้างหน้า เพราะการปฏิรูปนั้นคงไม่สามารถไปบังคับใครได้ เนื่องจากแม้แต่กฎหมายธรรมดาทุกวันนี้บางครั้งก็ยังไม่ปฏิบัติตาม

ส่วนความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการสัมภาษณ์ นายกฯเดินไปที่ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก่อนบอกว่า ทำไมไม่ถามประเด็นเศรษฐกิจบ้าง สนใจบ้างหรือไม่ การค้าการพาณิชย์ให้ถามกันบ้าง เพราะการเมืองไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นทั้งหมด

จากนั้นผู้สื่อข่าวกล่าวตอบว่า ตัวเลขเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว และก็มีนักข่าวสายเศรษฐกิจเป็นคนตามอยู่ พล.อ.ประยทธ์ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “เธออย่ามาต่อปากต่อคำกับฉัน” ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า “ต่อปากต่อคำก็ไม่ได้ “ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับโมโหพร้อมหันมาตะคอกเสียงดังว่า “ก็ไม่ได้ไง นินทาอะไรว่ะ ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับฉันหรอก ต่อปากต่อคำไม่ได้ ก็ออกไปข้างนอกโน่น ใครที่พูดเมื่อกี้”

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2561 (Prime Minister’s Export Award 2018) จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า  “ดูจากตำราต่างประเทศ เขาสรุปว่า ประชาธิปไตยก็คือประชานิยม เพราะมีการเลือก คนที่ชื่นชม ชื่นชอบ ทำยังให้ชอบมันก็ต้องให้ แต่ประชานิยมถ้าจะทำต้องมีประโยชน์ ไม่มีผลต่อระบบการเงินการคลังของประเทศต่อไปในอนาคต ไม่ใช่ว่าเงินเกินครึ่งของงบประมาณมาทำตรงนี้ทั้งหมด รัฐบาลยังต้องทยอย ให้ไม่ใช่ให้โครมให้ไปทั้งหมดแล้วได้กลุ่มนี้อยู่กลุ่มเดียวอยู่นั่นแหละ กลุ่มอื่นก็ไม่ดู ยังมีคนจนอีกตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วขอให้เข้าใจด้วยที่พูดขอให้สื่อไปถึงประชาชนแล้วบรรดานักการเมืองต่างๆ ที่พยายามจะพูดอยู่ตอนนี้ไปบิดเบือนทุกอย่าง ที่ดีๆ เขาก็มี ที่ไม่ดีมันก็เยอะ ผมก็เกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิดไปอีก แล้วจะกลับมาแบบเดิม เพราะคนรวยๆ ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ ไม่มีเวลา แต่คนรายได้น้อยเขาจะสนใจเรื่องการเมือง สนใจเรื่องการเลือกตั้ง แล้วถ้าบิดเบือนไม่เข้าใจกันแบบนี้ ใครเป็นคนเลือกตั้ง แล้วจะกลับไปสู่ตรงไหน คิดกับผมแบบนี้ ไม่ใช่ว่ากลัวผมจะเป็นหรือใครจะเป็น ไม่ต้องกลัว มันอยู่ที่ประชาชนเลือก ถ้าเราไม่เข้าใจกันแบบนี้ผลการเลือกตั้งจะออกมายังไง ก็คิดเอาแล้วกัน แล้วผมก็ไม่สนใจใครจะว่าอะไรผม วันนี้เยอะไปหมดทุกวัน มาบอกปิดกั้นปิดตรงไหน ด่าโครมๆ พูดอะไรบิดเบือนหมด ผมก็เฉยๆ”

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่ามาบอกว่าตนปิดกั้นการเป็นประชาธิปไตย แต่บ้านเมืองมันจะวุ่นวายไหม ไปคิดเอาแล้วกัน ถ้าวุ่นวายกันต่อ วันหน้าไปแก้กันเอาเอง ตนพยายามเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ถ้าวุ่นวายกันอยู่แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องของท่าน มีกลไกและกฎหมายออกมาเยอะแยะ ตนไม่ต้องไปสั่งใคร กฎหมายดีทุกตัว วันนี้ปัญหาเยอะทุกวัน ถ้าข้างล่างไม่เข้าใจก็มีปัญหาทุกเรื่อง กับสื่อตนก็ไม่เคยไปตรวจสอบหรือปิดกั้น แต่อะไรที่มันบิดเบือน กลไกที่ตรวจสอบมีอยู่แล้ว หรือบิดเบือนจนเกินไปจนมีคดีฟ้องร้องก็ว่ากันไป แต่คนส่วนใหญ่มักจะเกรงใจไม่อยากเป็นปัญหามีคดีความกับสื่ออะไรต่างๆเสียเวลา

“แต่วันนี้ผมคิดว่า ผมต้องดำเนินการแล้ว เหมือนที่คนด่าพวกท่าน ท่านก็ใช้กฎหมายหมิ่นประมาท หน่วยงานเขาก็ต้องรักษาศักดิ์ศรี ถ้าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น แล้วไปว่าเขา เขาก็มีสิทธิ์ในการป้องกันตัวของเขาเหมือนกัน สื่อเองก็ต้องระวังตัว ผมไม่ได้ขู่สื่อ เดี๋ยวกลายเป็นการขู่สื่ออีกทุกเรื่อง อย่างใช้คำว่าปัดเหมือนกลับว่าปฏิเสธความจริง พอชี้แจงดีขึ้นบอกว่าฟุ้ง ซึ่งสื่อคือตัวชี้นำ วันนี้ก็บอกว่านายกเป็นคนใจร้อนพูดไม่เข้าหูใคร อาทิตย์ไหนถ้าผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์เลยน่าจะมีความสุขดี ตอนนี้กำลังคัดออกว่าฉบับไหนผมไม่อ่าน ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศเลย น้อยมากทุกคอลัมน์ เดี๋ยวจะถามประชาชนว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเชื่อมั่นมากที่สุด แล้วขอให้ตอบมาด้วย ไอ้เรื่องที่เสนอครั้งเดียวจบไปพาดหัวหนึ่ง แล้วจะดีกับการค้าการส่งออกของเราอย่างไร การลงทุนของเราจะเกิดขึ้นได้ไหม จะไม่รับผิดชอบอะไรอย่างนี้ไม่ได้ มไม่ได้กล่าวว่าของใคร ถ้าผมใช้อำนาจของผมจริงๆไม่มีหรอกไอ้เรื่องพวกนี้ ยังไม่เคยทำแบบนี้สักครั้ง พูดไปก็เสียอารมณ์ แต่ทำอะไรต้องมีเหตุมีผลชี้แจงได้ ส่วนสื่อดีๆ นักการเมืองดีๆที่มีอยู่ก็ต้องขอขอบคุณ” นายกฯกล่าว