สนช.รับหากเสียงค้านแรงพร้อมถอนแก้กฎหมาย"กกต."

สนช.ยอมรับถ้าเสียงค้านแรงพร้อมถอนแก้กฎหมายกกต. สั่งเจ้าหน้าที่สภาตรวจสอบคะแนนจัดตั้ง

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เปิดเผยว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสนช.ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นกระบวนการที่กฎหมายบังคับให้ทำเพื่อประกอบการพิจารณา แต่สำหรับกรณีที่มีเสียงไม่เห็นด้วยพร้อมกับวิจารณ์ว่าเป็นการจัดตั้งนั้น ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ของสภาดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามาจากที่เดียวกันทั้งหมด

นายสุรชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากจะนำความเห็นทางเว็บไซต์มาประกอบการพิจารณาแล้ว เชื่อว่าสมาชิกจะนำข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อต่างๆมาคิดวิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกและลบ พร้อมทั้งทราบว่ามีการทำข้อมูลประวัติของบุคคลที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งเบื้องต้น 600 กว่าคน ว่ามีความเสียหายความไม่เป็นกลางทางการเมืองหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบเหตุผลด้วย

เมื่อถามว่า สนช.พยายามทำทุกวิถีทางในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ นายสุรชัย กล่าวว่า อย่ามองแบบนั้น เพราะไม่ใช่เรื่องการแก้ไขแต่เป็นความพยายามทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ ต้องรอวันที่ 18 ส.ค.นี้ ที่จะครบ 15 วัน ของกระบวนการรับฟังความเห็น ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ต้องถอย แต่ถ้าเสียงสนับสนุนมากกว่าก็เดินตามกระบวนการ และถ้าเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของวิปสนช.ก็จะชัดเจนว่าจะเดินหน้าหรือไม่

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 กล่าวว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นการใช้สิทธิ์้ของสมาชิกที่จะเสนอกฏหมาย ส่วนที่ประชุมสนช.จะเห็นด้วยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการเข้าชื่อเสนอนั้นเพราะสมาชิกสนช.ต้องการให้การคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งน่าจะบรรจุอยู่ในหลักการของพระราชบัญญัติ ไม่ใช่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด เพื่อความเหมาะสม นอกจากนี้ เรากำลังรอการโปรดเกล้าฯ กกต.ชุดใหม่ แล้วทำไมไม่รอให้กกต.ชุดใหม่เป็นผู้ประกาศ อย่างไรก็ตาม เวลานี้เป็นเพียงการเสนอความคิด ยังไม่มีได้มีการนำเข้าวิปสนช.หรือเข้าสภาฯ จึงยังไม่มีการพิจารณาใดๆ ซึ่งอาจจะมีการถอนก็ได้ เพราะยังต้องมีกระบวนการรรับฟังอีก หรืออาจจะชะลอก็ได้

เมื่อถามว่า แสดงว่ามีโอกาสที่จะถอนร่างกฎหมายใช่หรือไม่ นายพีระศักดิ์กล่าวว่า เป็นสิทธิที่คนเสนอจะทำได้ รวมถึงหากรัฐบาลมีประเด็นที่จะแก้ไขดีกว่านี้ สาระหลักตอบโจทย์ได้ สมาชิกสนช.ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสนอแก้พ.ร.บ.ฉบับนี้