นายกฯยันรัฐบาลบริหารจัดการน้ำได้ดี

นายกฯ เผย 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลบริหารจัดการน้ำได้ดี ยัน คุมสถานการณ์น้ำที่ จ.เพชรบุรีได้ ขอสื่ออย่ารายงานเกินจริง

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ถึงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลว่า จะเน้นการบูรณาการทั้งเรื่องแผนงาน โครงการ งบประมาณ เครื่องมือ ระบบต่างๆ เพื่อความเป็นเอกภาพ โดยที่ผ่านมาไม่อาจพร่องน้ำหรือผลักดันมวลน้ำลงทะเลจนหมด หรือมากเกินไป โดยไม่คิดถึงวันข้างหน้า หากฝนขาดช่วง ฝนตกนอกเขื่อน เราก็อาจจะเกิดปัญหาภัยแล้ง แทนอุทกภัย จึงต้องคำนวณการเก็บกักน้ำ ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำทุกมิติ ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา เราถือว่าบริหารได้ดี

สำหรับ สถานการณ์น้ำภาคเหนือและภาคกลางถือว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากมีการนำหลายมาตรการมาใช้ ส่วนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เริ่มคลี่คลาย หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลง แต่ยังคงแหลือเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ที่ยังมีวิกฤตอยู่ ต้องเร่งระบายออกในปริมาณที่เหมาะสม ขณะที่ ภาคตะวันตก เขื่อนแก่งกระจาน-เขื่อนวชิราลงกรณ ยังคงอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง ระดับน้ำสูง ต้องเฝ้าติดตามและเตรียมแผนเผชิญเหตุ น้ำในเขื่อนแก่งกระจานสูงขึ้นได้มีการพร่องน้ำล่วงหน้าแล้ว ถึง  42%  โดยที่ไม่มีใครเดือดร้อน แต่เมื่อปริมาณฝนตกมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ฝนตกมาถึง กว่า 100 มิลลิเมตร ลงมาวันเดียว เพิ่มปริมาณน้ำจนน้ำเต็มเขื่อน เราหยุดธรรมชาติไม่ได้ แต่ต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม อาจจะต้องมีการท่วมบ้าง ทั้งนี้ได้มีการขุดลอกท้ายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี รวมทั้ง เร่งขุดคลองระบายน้ำ D9 เพื่อให้น้ำระบายได้เร็วขึ้น ถ้าทำได้ ก็จะสามารถพร่องน้ำได้มากกว่านี้ โดยที่ไม่ผ่านบ้านเรือนประชาชนมากนัก น้ำก็ไม่สูงจนเกินไป ก็ขอความร่วมมือจากภาคประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดินด้วย ในเรื่องของการสร้างเขื่อน สร้างแก้มลิง หรือทางระบายน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ทุกภาคจำเป็นต้องสร้างเพิ่ม เพื่อจะระบายน้ำ หรือพร่องน้ำจากภาคตะวันตก ตะวันออก ไปให้ได้โดยเร็ว ไม่ว่าจะลงทะเลหรือเป็นเส้นทางอื่นๆ ที่ไม่ให้ไหลเข้าท่วมตัวเมือง เข้าพื้นที่เศรษฐกิจ โรงพยาบาล การสัญจรไปมา ถนนหนทาง ต้องมีทางเบี่ยงทั้งหมด
         
นายกฯ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาก่อนที่ตนได้ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี พบว่ามีการรายงานข่าวอาจจะเกินความเป็นจริง เช่น การระบายน้ำผ่านสปิลเวย์จนเกิดความตื่นตระหนก จนเกิดภาพที่น่ากลัว จนหลายคณะทัวร์ยกเลิกที่พัก และการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ชายหาดชะอำ-หัวหิน กระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่  ทั้งๆที่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น จึงขอความร่วมมือในการรายงานข่าว ต้องชี้แจงให้เข้าใจว่า ตรงไหนมันท่วม ตรงไหนมันเสี่ยง ตรงไหนที่ไม่มีฝน หรือยังปรกติอยู่ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้ไป และได้เพิ่มอาชีพรายได้ให้กับเขา