posttoday

พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับใหม่มีผลใช้บังคับแล้ว

18 กรกฎาคม 2561

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่18ก.ค.61

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่18ก.ค.61

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2561 มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่18ก.ค.61 มีทั้งหมด 11 มาตรา โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ 

พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2561 มีการแก้ไขอันเป็นสาระสำคัญในมาตรา3 ยกเลิกความในมาตรา 5 ตรีแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"เพื่อให้การอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตลอดจนการปกครองดูแลคณะสงฆ์ เป็นไปเพื่อส่งเสริมการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญาและมีการรักษาพระธรรมวินัยของคณะสงฆ์ให้เป็นไปอย่างถูกต้องดีงามโดยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศานิกชนทั่วไป พระมหากษัตริย์จึงทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้ง สถาปนา และถอดถอนสมณศักดิ์ ของพระภิกษุในคณะสงฆ์ และแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมตามพระราชบัญญัตินี้"

นอกจากนี้ มาตรา4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรค7ของมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์พ.ศ.2505 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2535

"ความในมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนพระราชอำนาจที่จะทรงพระกรุณาโปรด หรือมีพระราชวินิจฉัยให้ปฏิบัติเป็นประการอื่น"

ทั้งนี้ ท้ายพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2561 ได้หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และตามโบราณราชประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานนั้น  พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา รวมทั้งทรงทำนุบำรุงสังฆมณฑลให้เจริญมั่นคง เป็นไปตามแบบแผนอันเรียบร้อยตลอดมา เพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถาวรเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน ซึ่งจะก่อให้เกิดการประพฤติปฏิบัติที่ดีงามมีความร่มเย็นผาสุกแก่ประชาชนและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ สมควรบัญญัติกฏหมายให้เป็นการสืบทอด และธำรงรักษาไว้ซึ่งพระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้


ที่มา http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/050/T1.PDF