posttoday

"เพื่อไทย"สั่งสมาชิกนิ่งสยบดูดสส.

09 กรกฎาคม 2561

พท.สั่งลูกพรรคเลิกตอบโต้กระแสดูด สส. ไม่ต้องสนใจใครจะทิ้งพรรค แนะให้รอถึงวันเลือกตั้ง

พท.สั่งลูกพรรคเลิกตอบโต้กระแสดูด สส. ไม่ต้องสนใจใครจะทิ้งพรรค แนะให้รอถึงวันเลือกตั้ง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ส่งข้อความแจ้งสมาชิกทุกคนเรื่องการให้ความเห็นกรณีมีกระแสข่าวเรื่องการดูดอดีต สส. ว่า สมาชิกทุกท่านในพรรคควรหลีกเลี่ยงการโต้ตอบ กล่าวหากัน และควรใช้ท่าทีที่พยายามรักษามิตรภาพที่เคยมีร่วมกันมา และที่สำคัญเราเคารพการตัดสินใจของทุกคน และเราจะรอการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง เราพร้อมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมืองและมาร่วมทำงานการเมืองกับพรรคเรา

“เราอยากเห็นการเข้าสู่การเมืองเป็นการอาสารับใช้ประชาชนมากกว่าการเข้ามายึดการเมืองเป็นอาชีพจนขาดอุดมการณ์ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน จึงเรียนมาเพื่อเป็นแนวการทำงานการเมืองในช่วงสถานการณ์นี้ และขอให้ทุกคนใช้ทุกช่วงเวลาให้เกิดประโยชน์ในการเตรียมตัว ขบคิดเพื่อเตรียมบทบาทช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุด” นายภูมิธรรม ระบุ

ด้าน นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยอมรับว่าอดีต สส.ภาคกลางถูกรุกหนัก เป็นพื้นที่ต้องสู้กันหนัก โดยใช้กระแสบวกกระสุนมาโน้มน้าว มีการพูดว่าใครโดนคดี มีหนี้สินจะดูแลให้ มีเงินรายเดือนและเงินก้อนให้ไปตั้งตัว ส่วน จ.ลพบุรี ก็มีการมาทาบทามเช่นกัน แต่อดีต สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ยืนยันตรงกันว่าจะอยู่กับพรรคต่อไป

ขณะที่นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต สส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ในฐานะเลขากลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ทางกลุ่มยังไม่ได้มีการเปิดตัว เพราะต้องรอให้ถึงที่สุดก่อนแล้วถึงจะเปิดตัว และต้องเปิดให้อลังการให้สมกับกลุ่มสามมิตรในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังไม่มีการเปิดตัวกลุ่มสามมิตรในเวลานี้ ไม่เกี่ยวกับการถูกโจมตีเรื่องการดูดอดีต สส. เนื่องจากตอนนี้คิดถึงแต่ประชาชนว่าจะทำอย่างไรให้งบประมาณของประเทศปีละ 3 ล้านล้านบาท ตรงกับความต้องการของประชาชน ดังนั้น เราจึงไม่คิดว่าพรรคไหนจะคิดอย่างไรกับกลุ่มสามมิตร แต่จะเดินหน้าเพื่อเปิดความคิดกับทุกกลุ่มทุกสี

สำหรับที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ไม่รู้เรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร นายภิรมย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นตัวนายสมคิด มีเพียงแต่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน