posttoday

"ไม่อยากอยู่ก็ออกไป"แค่มีดปักอกแต่ไม่ทะลุหัวใจ

19 ตุลาคม 2553

พรรคภูมิใจไทยรู้สัญญาณเตือนภัย  หากชะล่าใจไม่เคลียร์ตนเองย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพพจน์พรรคภูมิใจไทยระยะยาว เช่นเดียวกัน ในภาวะปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องย่อมสะเทือนไปถึงภาพรัฐบาลโดยรวมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้  โดยสัญชาติญาณนักการเมืองภายใต้เงื่อนไขวาระทำงานรัฐบาลเหลือน้อยลงยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต้องกอบกู้ภาพบวก เร่งตุนคะแนนนิยม

พรรคภูมิใจไทยรู้สัญญาณเตือนภัย  หากชะล่าใจไม่เคลียร์ตนเองย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพพจน์พรรคภูมิใจไทยระยะยาว เช่นเดียวกัน ในภาวะปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องย่อมสะเทือนไปถึงภาพรัฐบาลโดยรวมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้  โดยสัญชาติญาณนักการเมืองภายใต้เงื่อนไขวาระทำงานรัฐบาลเหลือน้อยลงยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต้องกอบกู้ภาพบวก เร่งตุนคะแนนนิยม

โดยทีมข่าวการเมือง

"ไม่อยากอยู่ก็ออกไป"แค่มีดปักอกแต่ไม่ทะลุหัวใจ ภาพประกอบข่าว

“ … ฝากบอกว่าถ้าอึดอัดก็ขอให้บอกมาอย่างเป็นทางการ จะปรับออกให้ ถ้าอึดอัดก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าจะอยู่ด้วยกันต้องทำกติการ่วมกันของรัฐบาล“

น้ำเสียงแข็งกร้าวของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรีหลังตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยจะตั้งทีมตรวจสอบการทุจริตรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นการเอาคืนบ้างหลังจากช่วงที่ผ่านมามีปฏิกิริยาจากนายกฯไม่พอใจการทำงานรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทย  นับเป็นท่าทีล่าสุดที่สะท้อนความอึดอัดในการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยจนต้องระบายออกมา

นับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์กอดคอพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล สปอร์ตไลท์การเมืองสาดส่องพฤติกรรมรัฐมนตรีจากค่ายภูมิใจไทยเป็นพิเศษ  เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยเป็นขบวนการแตกทัพมาจากพรรคพลังประชาชนที่อุดมไปด้วยพ่อค้า นักธุรกิจเข้าไปแสวงหาประโยชน์ผ่านการสวมหัวโขนเป็นรัฐมนตรี  ซึ่งแต่ละรายต่างได้รับบาดเจ็บจากการถูกตรวจสอบความฉาวในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนต้องถูกทหารเข้ายึดอำนาจ  ที่สำคัญบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเมือง อย่างเนวิน ชิดชอบ  ซึ่งเคยร่วมหอลงโรงกับนายเก่า  ก็แยกวงเพื่อแสวงหาหนทางใหม่ที่ดีกว่า

ในเมื่อโอกาสเข้าสู่อำนาจรัฐเปิดทางมีใครบ้างไม่อยากรีบฉกฉวย 

การผสมพันธุ์รัฐบาลแบบพิสดารพันลึกระหว่างอดีตฝ่ายค้านและอดีตฝ่ายรัฐบาลเกิดขึ้นเพียงเพื่อต้องการจัดสรรประโยชน์ให้ลงตัว แม้นายกฯอภิสิทธิ์จะประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ หวังสร้างมาตรฐานใหม่รัฐบาลธรรมาภิบาล แต่จนแล้วจนรอดหลายต่อหลายครั้งข้อกล่าวหาทุจริตก็ยังวนเวียนในรัฐบาล  จริงอยู่กรณีรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์อาจสร้างแบบอย่างสูงส่ง ด้วยการตัดสินใจลาออกเมื่อถูกกล่าวหาพัวพันโครงการทุจริต  เช่น วิทูร นามบุตร รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า  หรือข้อกล่าวหาทุจริตในกระทรวงสาธารณสุขทำให้วิทยา แก้วภราดัย ตัดสินใจลาออกเปิดทางให้กระบวนการสอบสวนพิสูจน์ความบริสุทธิ์  หรือแม้แต่การลดตำแหน่งกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ จากรองนายกฯคุมเศรษฐกิจ มาเป็นแค่แม่บ้านตึกไทยคู่ฟ้าในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ จากกลิ่นหึ่งในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง

แต่ทว่า  บ่อยครั้งอีกเช่นกันที่มีรัฐมนตรีค่ายภูมิใจไทยถูกขึ้นบัญชีดำโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจซ้ำซาก ตามด้วยพฤติกรรมการทำงานในปัจจุบันกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน  แต่วัตรปฏิบัติบริหารครม.ของนายกฯ เพียงแค่ให้พรรคภูมิใจไทยดูแลกันเอง เหมือนลอยตัวอยู่เหนือปัญหา  ทำให้ถูกวิจารณ์ว่า ผู้นำประเทศอยู่ในสภาพไม้หลักปักขี้เลนบ้าง หรือไม่ก็ยอมให้พรรคภูมิใจไทยขี่คอบ้าง  เพราะหากเข้าไปล้วงลึกอาจทำให้เสาค้ำรัฐบาลพังทลาย 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปใกล้หมดวาระทำงานรัฐบาล ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเมื่อต้องเผชิญหลายโครงการถูกตั้งข้อสังเกตถึงความเคลือบแคลง  ลากกันมาตั้งแต่ความไม่ชัดเจนโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศใช้กาซธรรมชาติ 4,000 คันจนต้องสะดุด  

สารพันปัญหาภายในกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่การยกเลิกบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิคส์ ที่ยังไม่เคาะสักทีว่าประชาชนจะได้บัตรเมื่อไหร่ท่ามกลางข้อครหาการเจรจาผลประโยชน์ไม่ลงตัว   กระบวนการสอบคัดเลือกนายอำเภอ 41 รายโดยมิชอบ   ข้อกล่าวหาทุจริตโครงการเช่าคอมพิวเตอร์ 3,400 ล้านบาท  การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม หรือแม้แต่ปัญหาที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิพาดพิงถึงนักการเมืองเข้าแบ่งเค้กก้อนโต   ล้วนแล้วแต่เป็นปมปัญหาภายใต้การกำกับดูแลของรมต.จากภูมิใจไทยทั้งสิ้น

ทางการเมืองประเมินแล้ว นับวันรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยกำลังสะสมแต้มลบ ซ้ำรอยเดิมเหมือนยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ  ซึ่งเป็นที่ทราบดีรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ล่มจมก็มาจากชนวนปัญหาทุจริตล้นทะลักใต้พรมแดง

สภาพการณ์ดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยรู้สัญญาณเตือนภัย  หากชะล่าใจไม่เคลียร์ตนเองย่อมไม่เป็นผลดีต่อภาพพจน์พรรคภูมิใจไทยระยะยาว เช่นเดียวกัน ในภาวะปลาตายตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องย่อมสะเทือนไปถึงภาพรัฐบาลโดยรวมอย่างไม่อาจปฏิเสธได้  โดยสัญชาติญาณนักการเมืองภายใต้เงื่อนไขวาระทำงานรัฐบาลเหลือน้อยลงยิ่งทำให้ต่างฝ่ายต้องกอบกู้ภาพบวก เร่งตุนคะแนนนิยม

อภิสิทธิ์จึงต้องขยับ แสดงบทบาทภาวะผู้นำมากขึ้นสยบต่อกลิ่นหึ่งจากฝีมือรัฐมนตรีต่างพรรค ผลลัพธ์จึงมีได้กับได้ต่ออภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์       เช่นเดียวกัน การเคลื่อนตัวของภูมิใจไทยผ่านเหตุการณ์ มงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีมีสายใยเชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลทางการเมืองจากค่ายภูมิใจไทยส่งเข้าประกวดตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ตัดสินใจประกาศถอนตัวไม่รับตำแหน่ง

ทางหนึ่งเพื่อดับกระแสความไม่พอใจของอดีตข้าราชการมหาดไทย  อีกทางหนึ่งภูมิใจไทยพิจารณาแล้วเสียเบี้ยไปตัวหนึ่งแต่ยังมีตัวเลือกอีกมากเข้าไปเป็นปลัดมหาดไทย และก็สามารถปรับจูนคลองหลอดใหม่เพื่อกลับมาคอนโทรลข้าราชการการสายปกครองให้อยู่หมัดเพื่อผลระยะยาวในการเลือกตั้ง  และยังลดภาพเป็นเด็กมีปัญหาในรัฐบาลสยบกระแสความรู้สึกของประชาชนในทางลบต่อพรรค 

แม้พรรคภูมิใจไทยจะไม่พอใจต่อแรงกดดันจากนายกฯ  แต่ด้วยข้อแลกเปลี่ยนทางการเมือง ยอมค้ำจุนเสถียรภาพรัฐบาลแลกกับการได้โควต้ารัฐมนตรีเกรดเอ  อีกทั้งความใกล้ชิดกับกองทัพ โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รมว.กลาโหม เป็นโควต้าภูมิใจไทยเข้าไปดูแลยิ่งทำให้ภูมิใจไทยสบายตัว  อีกทั้งเมื่อนายใหญ่ประกาศตัดญาติกับเนวิน  หนทางจูบปากดูดดื่มกันอีกรอบแทบจะเป็นไปไม่ได้    ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พรรคภูมิใจไทยจะออกจากการร่วมรัฐบาล

ทำนองเดียวกัน อะไรที่ยอมได้ในช่วงนี้ต้องยอมไปก่อน เพื่อดำรงอยู่ในอำนาจก่อนจะผงาดสนามการเมืองรอสร้างอำนาจต่อรองมากกว่านี้   เฉกเช่น ทีมบุรีรัมย์เอฟซี ที่กำลังโลดแล่นในศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ต้องบ่มเพาะแข้งไม่อาจพรวดพราดถึงขั้นแชมป์ภายในหนึ่งปี  ฉันใดก็ฉั้นนั้น  สถานการณ์ของพรรคภูมิใจไทยเพิ่งตั้งไข่ ต้องเก็บคะแนนนิยมไปเรื่อยๆก่อนขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ทางการเมือง

ภูมิใจไทยเองก็ต้องขับเน้นภาพบวกผ่านสายตาประชาชนเช่นกัน 

ด้วยจังหวะที่พรรคภูมิใจไทยเร่งแต่งตัวรัฐมนตรีให้ดูดีลดภาพเอี่ยวทุจริต  จึงเป็นช่วงที่อภิสิทธิ์ใช้จังหวะพลิกกลับจากที่ถูกวิจารณ์โดยตลอดว่าตกเป็นเบี้ยล่างพรรคภูมิใจไทย ชิงความได้เปรียบออกมาบรรเลงวาทะกระซวกเข้าเข้ายอดอกภูมิใจไทย แม้จะไม่ถึงตายแต่ก็สาหัสเอาการ    ถามต่อ บทต่อไปของนายกฯพร้อมจะเป็นมือสังหารรัฐมนตรีต่างพรรคหรือไม่ ตอบทันที อย่างเก่งทำได้เพียงเท่านี้ เพราะสถานการณ์ถูกกำหนดไว้แล้วให้กัดฟันอยู่ร่วม 

ดังนั้น ลีลานายกฯต่อการกำหราบภูมิใจไทยจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าภูมิใจไทยปรับตัว  หรือเว้นเสียแต่ภูมิใจไทยจะแกร่งกล้าและยืนด้วยขาตัวเองซึ่งก็เป็นเรื่องยากอีกเช่นกันในระยะเวลาปีสองปี

เอาเป็นว่าจำต้องรับสภาพกอดคอเอามีดจี้หลังกันต่อไป