posttoday

"มาร์ค"ไม่รับปากถก"ประยุทธ์"จี้ปลดล็อกก่อนก.ย.

29 มิถุนายน 2561

หัวหน้าประชาธิปัตย์ ไม่รับปากร่วมวงถกการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายกับนายกฯ เดือน ก.ย.ข้องใจไม่ปลดล็อก เพื่อไทยซัดรัฐบาล2มาตรฐานไร้ความชอบธรรมจัดเลือกตั้ง

หัวหน้าประชาธิปัตย์ ไม่รับปากร่วมวงถกการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายกับนายกฯ เดือน ก.ย.ข้องใจไม่ปลดล็อก  เพื่อไทยซัดรัฐบาล2มาตรฐานไร้ความชอบธรรมจัดเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่าจะคุยกับพรรคการเมืองอีกครั้งในเดือน ก.ย.นี้นั้น ตนเองยังไม่แน่ใจว่าจะไปร่วมพูดคุยด้วยหรือไม่ และความจริงอยากให้ คสช.ปลดล็อกไปเลย

"น่าเสียดายในที่สุดความตั้งใจที่จะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพรรคการเมืองนั้น ทำไปทำมาอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงเลย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ สงสัยว่าเรื่องการหาสมาชิกของพรรคการเมืองไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.เลย เพราะการทำเรื่องนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เพียงแต่ที่พรรคการเมืองทำตามกฎหมายนี้ไม่ได้ เพราะมีคำสั่ง คสช.ที่ห้ามอยู่ ทั้งนี้อุปสรรคมาจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง เช่น การประชุมใหญ่ ตั้งสาขาได้หรือไม่ เมื่อไม่มีสาขาแล้วจะทำไพรมารีโหวตโดยใคร และไม่ได้หมายความว่าถ้าปล่อยให้พรรคการเมืองไปหาสมาชิกแล้วบ้านเมืองมันจะวุ่นวาย

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคการเมืองบางพรรค ที่เสนอให้ยกเลิกไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งครั้งแรก เพราะหาสมาชิกพรรคไม่ทันว่าเป็นคนละเรื่องกัน หากพรรคการเมืองคิดว่าเตรียมตัวไม่ทันต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปหาทางออกร่วมกับพรรคการเมืองก่อน ที่จะไปคิดแก้กฎหมายหรือใช้มาตรา 44

"การทำไพรมารีโหวตระบุไว้ชัดใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ขอให้ไปดู เรื่องช่วงเวลาก่อนว่าทำไม่ทันจริงหรือไม่ ก่อนที่ขอยกเว้นและการยกเลิกระบบ ไพรมารีโหวตอาจจะกระทบกับโรดแมป หากไม่อยากให้มีผลกระทบกับเงื่อนเวลา อย่าไปแก้กฎหมายเลยดีกว่า

ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ร่วมกับ กกต. ด้วยเหตุมีผลประโยชน์ ทับซ้อน ไม่เป็นกลาง และสองมาตรฐาน

ทั้งนี้ มีข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สาธารณชนและชาวโลกเห็นชัดๆ ดังนี้ คือสมาชิกพรรคเพื่อไทย 3 คนร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์ผลงานรัฐบาลในโอกาสครบรอบ 4 ปี ผลปรากฏว่าแกนนำ พท. 8 คน ถูกดำเนินคดีตาม มาตรา 116 จำนวน 3 คน อีก 5 คน ถูกดำเนินคดีข้อหาชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน แต่กลุ่มสามมิตรซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไป ออกเดินสายสร้างพลังดูดอดีต สส.ไม่ผิดสองมาตรฐานชัดๆ