posttoday

ฎีกายืนยกฟ้อง"เทพไท"แถลงข่าวไม่หมิ่น"ทักษิณ"

27 มิถุนายน 2561

ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง "เทพไท เสนพงศ์" ไม่ผิดแถลงข่าวหมิ่น "อดีตนายกฯ ทักษิณ" ศาลชี้เป็นการแสดงความคิดเห็นและติชมด้วยความเป็นธรรม

ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง "เทพไท เสนพงศ์" ไม่ผิดแถลงข่าวหมิ่น "อดีตนายกฯ ทักษิณ" ศาลชี้เป็นการแสดงความคิดเห็นและติชมด้วยความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.61 เวลา 10.30 น.ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1923/2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายนพดล  มีวรรณะ ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตโฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332

โดยโจทก์ ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 17-19 พ.ค.49 นายเทพไท จำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุครัฐบาลทักษิณลาออก ซึ่งกล่าวทำนองว่าบริหารประเทศแบบซีอีโอ ที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วยทำงานไม่ได้ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบนายทักษิณ เหมือนผีปอบที่ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ ซึ่งพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับเข้าสู่ร่างเดิมกรณี

ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 4 ส.ค.58 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากทางนำสืบฟังข้อเท็จจริงได้ว่า โจทก์ได้ประกาศยุบสภา ต้นปี 2549 และมีการกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เม.ย.49 แต่ต่อมาตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็ได้วินิจฉัยว่า การเลือกตั้งดังกล่าวไม่สุจริต ดังนั้นการกระทำเป็นการนำข้อมูลข่าวสารมาเผยแพร่อันเป็นวิสัยที่กระทำได้ การกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท

ต่อมา “นายทักษิณ” โจทก์ ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลย ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.59 ที่พิพากษายืนให้ยกฟ้อง เพราะศาลเห็นว่า ขณะเกิดเหตุนายทักษิณ โจทก์ ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี จึงถือเป็นบุคคลสาธารณะที่สามารถจะถูกตรวจสอบการทำงานได้ โยการกล่าวของนายเทพไท จำเลยที่ 2 เป็นการพูดจาตอบโต้กันในทางการเมือง ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นและติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยที่สามารถกระทำได้ จึงไม่เป็นความผิด

โดย “นายทักษิณ” โจทก์ ได้ยื่นฎีกาอีก ขณะที่วันนี้ “นายเทพไท” อดีต ส.ส.ปชป. จำเลย และในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจจากทนายความของพรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1 เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมนายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความ ส่วนฝ่ายโจทก์ มอบอำนาจให้เสมียนทนายความมาฟังคำพิพากษาแทน

ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่า “ศาลฎีกา” ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาว่า การกระทำของ นายเทพไท จำเลยที่ 2 ที่แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการแสดงความคิดเห็นตอบโต้กันในทางการเมือง และเป็นการติชมโดยสุจริต จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลล่างพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงพิพากษายืน

ภายหลังฟังคำพิพากษา “นายเทพไท เสนพงษ์” อดีต ส.ส.ปชป. กล่าวว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น  โดยให้เหตุผลว่าเป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง เป็นการติชมโดยสุจริต เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งเรื่องที่ฟ้องนี้ได้ต่อสู้คดีกันมานาน 12 ปี และสุดท้ายก็ได้รับความเป็นธรรมจากศาล แต่อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว ก็ยังมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ากรณีที่นายทักษิณไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลและไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ทำไมนายทักษิณจึงสามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้