posttoday

"คำนูณ" เผยแคนดิเดท ผบ.ตร.ต้องรับราชการ 33 ปี

07 มิถุนายน 2561

โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เผยแคนดิเดท ผบ.ตร.ต้องรับราชการ 33 ปี วางเกณฑ์สัญญาบัตรครองตำแหน่งเข้ม

โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เผยแคนดิเดท ผบ.ตร.ต้องรับราชการ 33 ปี วางเกณฑ์สัญญาบัตรครองตำแหน่งเข้ม

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เริ่มลงรายมาตราในหมวดการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งระดับต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการบัญญัติหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนไว้ในกฎหมายหลักระดับพ.ร.บ.เป็นครั้งแรก จากที่เคยบัญญัติอยู่ในกฎหมายลำดับรอง อาทิ กฎก.ตร. หรือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เหตุผลเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บางบุคคลเป็นพิเศษ

นายคำนูณ กล่าวว่า การบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรแรกเข้า ที่ไม่ใช่ตำแหน่งวิชาชีพเฉพาะ ให้ดำรงตำแหน่งในส่วนราชการใด ให้ดำเนินการดังนี้ 1. ถ้าผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรสูงสุดมีสิทธิเลือกก่อนตามลำดับ 2. ถ้าผู้ที่จะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นผู้สอบคัดเลือกหรือแข่งขันได้ ให้ผู้ที่สอบคัดเลือกหรือแข่งขันได้เป็นลำดับที่ 1 มีสิทธิเลือกก่อนเรียงตามลำดับไป หากมีกรณีอื่นนอกเหนือจากนี้ให้ดำเนินการตามวิธีการที่ก.ตร.กำหนด

นายคำนูณ กล่าวอีกว่า จากนั้น การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรในระดับตำแหน่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้ 3 เกณฑ์ ดังนี้ ระยะเวลา พื้นที่ และการประเมินรายบุคคล โดยเกณฑ์ระยะเวลา ได้กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรแต่ละคนจะต้องอยู่ตำแหน่งในแต่ละลำดับชั้นให้ครบก่อนจึงจะมีสิทธิได้รับการพิจารณาให้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งในลำดับชั้นที่สูงขึ้น ดังนี้

1. ตำแหน่งสารวัตร จะต้องดำรงตำแหน่งรองสารวัตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี2. ตำแหน่งรองผู้กำกับการ จะต้องดำรงตำแหน่งสารวัตรมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 3. ตำแหน่งผู้กำกับการ จะต้องดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 4. ตำแหน่งรองผู้บังคับการ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้กำกับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 5. ตำแหน่งผู้บังคับการ จะต้องดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี 6. ตำแหน่งรองผู้บัญชาการ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้บังคับการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี 7. ตำแหน่งผู้บัญชาการ จะต้องดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี 8. ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี 9. ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

“หมายความว่า ตามเกณฑ์ระยะเวลาทั่วไปนี้ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรจะต้องดำรงตำแหน่งระดับชั้นต่าง ๆ อย่างน้อย 33 ปีจึงจะมีโอกาสได้เป็นแคนดิเดทตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากข้าราชการตำรวจแรกบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งรองสารวัตรหลังจบปริญญาตรีมีอายุ 22 ปี ก็จะมาอยู่ในตำแหน่งแคนดิเดทผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขณะมีอายุอย่างน้อย 55 ปี” นายคำนูณ กล่าว

นายคำนูณ กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่สุดในการกำหนดเกณระยะเวลาขั้นต่ำในการดำรงตำแหน่งแต่ละระดับชั้นไว้ในกฎหมายหลักระดับพ.ร.บ.ที่กล่าวไว้ข้างต้นอีกครั้งก็คือ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บางบุคคล ซึ่งเคยเกิดข้อครหาวิพากษ์วิจารณ์มาแล้วในอดีตเมื่อมีการเปลี่ยนหรือพยามเปลี่ยนกฎก.ตร.ว่าด้วยการนี้ ในลักษณะเสมือนเป็นการลดระยะเวลาระดับบน เพิ่มระยะเวลาระดับล่าง จนเกิดเป็นศัพท์แสลงบางคำ อาทิ 'ต่อยอดทอดสะพานสูง' หรือ 'ชักบันไดหนี' เป็นต้น

“เมื่อผ่านเกณฑ์เวลาแล้ว ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยังจะต้องพิจารณาจากอีก 2 เกณฑ์ คือ เกณฑ์พื้นที่ และเกณฑ์การประเมินรายบุคคล โดยเกณฑ์พื้นที่นั้น จะได้พิจารณาว่าการแต่งตั้งในระดับสารวัตรขึ้นไปจนถึงระดับรองผู้บังคับการให้พิจารณาจากผู้มีคุณสมบัติที่รับราชการอยู่ในภายในภาคเดียวกันเท่านั้น ส่วนเกณฑ์การประเมินรายบุคคลนั้นจะได้กำหนดให้ข้าราชการตำรวจแต่ละคนมีคะแนนประจำตัวถ่วงน้ำหนักจาก 3 กรอบ คือ อาวุโส ผลงาน และความพึงพอใจของประชาชน” นายคำนูณ กล่าว