posttoday

"หญิงหน่อย" มองยุค "คสช." หนักกว่า "รสช." ชี้การเดินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้

17 พฤษภาคม 2561

คุณหญิงสุดารัตน์ มองสถานการณ์ คสช.รุนแรงกว่ายุค รสช. ชี้การเดินนโยบายผ่านหน่วยราชการทำให้เงินช่วยเหลือไม่ถึงประชาชนจึงกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้

คุณหญิงสุดารัตน์ มองสถานการณ์ คสช.รุนแรงกว่ายุค รสช. ชี้การเดินนโยบายผ่านหน่วยราชการทำให้เงินช่วยเหลือไม่ถึงประชาชนจึงกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวภายในงานเสวนาวิสัยทัศน์ผู้นำพรรคการเมือง ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม

โดยตอนหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เปรียบเทียบสถานการณ์ระหว่าง สภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) กับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมองว่า ปีนี้สถานการณ์รุนแรงกว่าตอนนั้น แม้จะมีความพยายามสืบทอดอำนาจ แต่ก็ไม่ได้มีการวางกลไกที่จะทำให้เกิดปัญหาในการทำงาน แต่ยุคนี้การกระทำได้พิสูจน์เจตนาที่วันแรกอ้างว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยใช้เวลาไม่นาน

แต่จาก 4 ปีที่ผ่านมา การวางโรดแมพอาจไม่ได้คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน แต่เป็นการรับรองให้มั่นใจว่า การเดินทางรักษาอำนาจยังดำเนินได้ต่อไปในอนาคต โดยมองจากรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ยึดโยงประชาชน เป็นการการันตีว่า ผู้มีอำนาจจะสามารถเดินกลับสู่อำนาจได้ และกฎหมายลูกก็ทำให้นักการเมืองอ่อนแอลง และจะมีบุคคลพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งมาตัดสินใจแทนประชาชน ซึ่งเป็นการตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน

แกนนำพรรคเพื่อไทย มองว่า แนวทางการปฏิรูปประเทศหลังเลือกตั้งจะต้องเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะประชาชนเป็นผู้เผชิญกับปัญหา แต่ทุกวันนี้ไม่ได้เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งการปฏิรูปหากไม่ฟังประชาชน แล้วให้เพียงบุคคลบางกลุ่มที่คิดว่า เป็นคนดีมาคิดแทนประชาชน ก็ไม่แน่ใจแนวทางปฏิรูปจะตอบโจทย์ประชาชนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้จริงหรือไม่

พร้อมกับ มองว่า แนวคิดการแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต เมื่อกฎเกณฑ์มีปัญหา ต้องถามสังคมอยากให้แก้มั้ย ต้องขอฉันทานุมัติจากประชาชน อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ การแก้จึงไม่ใช่สิ่งที่ผิด

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงการวางนโยบายในอนาคตว่า จำเป็นจะต้องสนับสนุนคนรากหญ้า ไม่ใช่เพราะเพื่อฐานเสียง เพราะถ้าเศรษฐกิจฐานรากไม่ดีก็ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อชนชั้นกลางและชนชั้นสูง และมองว่าการออกนโยบายที่ต้องผ่านหน่วยงานราชการต่างๆ ทำให้ความช่วยเหลือไม่ถึงประชาชนและเกิดความรั่วไหล จึงทำให้เงินลงไปไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้

คุณหญิงสุดารัตน์ เผยว่า รู้สึกหนักใจกับการวางนโยบายพรรคตามที่ต้องทำตามยุทธศาตร์ชาติของ คสช. เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นแผนที่ดีนักการเมืองคงหยิบขึ้นมาทำ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นพรรคการเมืองต่างๆ ยังไม่สามารถเสนอนโยบายต่อประชาชนได้ ผลเสียก็ตกกับประชาชน จึงฝากว่าหลักคิดเช่นนี้ไม่น่าจะมีส่วนดีเกิดขึ้นกับประชาชนเท่ากับการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม