posttoday

"ไม่มาก็อย่ามา" บิ๊กตู่ลั่นพรรคการเมืองอยากเลือกตั้งก็ควรมาคุยกัน

15 พฤษภาคม 2561

นายกฯเมินพรรคการเมืองไม่มาร่วมพูดคุยกำหนดวันเลือกตั้ง ลั่นไม่มาก็อย่ามาประชาชนจะได้รู้! ย้ำปลดล็อกทีละขั้น จนมั่นใจบ้านเมืองไร้ปัญหา

นายกฯเมินพรรคการเมืองไม่มาร่วมพูดคุยกำหนดวันเลือกตั้ง ลั่นไม่มาก็อย่ามาประชาชนจะได้รู้! ย้ำปลดล็อกทีละขั้น จนมั่นใจบ้านเมืองไร้ปัญหา

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการนัดนักการเมืองและพรรคการเมืองพูดคุยเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งว่า "ถึงเวลานัดมาก็มา ไม่มาก็อย่ามา ถ้ามา ผมก็จะคุยกับเขาอะไรที่จะทำให้บ้านเมืองปลอดภัยอย่างไร ลดความขัดแย้งอย่างไร จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้อย่างไร คุยกติการการเลือกตั้ง การหาเสียง และดูเรื่องการปลดล็อค ทีละขั้นทีละตอน ว่าจะเอาอย่างไรถ้าทุกคนจะฟรีกันทั้งหมดก็จะเกิดความปั่นป่วน ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่ แล้วจะให้กลับไปที่เก่าหรืออย่างไร การเลือกตั้งทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่เลือกเลยให้ร้ายกันไปมา จนไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย แล้วจะไปกันอย่างไร สื่อจะไปห้ามได้หรือไม่"

นายกฯ กล่าวว่า ถ้านักการเมืองได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วไม่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ทางจริยธรรมบางอย่างก็ว่ามา ประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่สื่อ ไม่ใช่ตนที่จะไปตัดสินคนดีคนชั่ว เป็นเรื่องของศาลกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราแยกแยะเรื่องเหล่านี้ไม่ออก บ้านเมืองก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ กฎหมายก็บังคับใช้ไม่ได้ แล้วจะเอาอะไร ปฏิรูปจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง ตนอยากรู้ บ้านเมืองจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ทั้งเรื่องการเมืองและความมั่นคง จะมีผลกระทบทั้งสิ้น หากเกิดเหตุการณ์อย่างที่ว่าขึ้นมา การค้าการลงทุนที่เราทำอยู่ในขณะนี้ คิดตรงนี้เสียบ้าง

"อย่าเอาการเมืองมาอย่างเดียว อย่าเอาการเมืองมาพัน ซึ่งผมบอกแล้วว่าการเมือง การเมือง ความมั่นคงจะทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ถ้ามันไปด้วยความเรียบร้อย อย่างอื่นไม่ไปขัดแย้ง ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน การแก้ปัญหาของรัฐบาล ซึ่งมีหลายร้อยพันเรื่องที่ต้องแก้ ถ้ายึดโยงกันไปมาแบบนี้ไปวัน ๆ มันไม่ได้"

"ผมไม่ได้คิดงานเหมือนกับที่คิดว่าวันนี้จะเขียนอะไรลงคอลัมน์ มันไม่ใช่ ผมคิดโน่นคิดนี่ยาวไป 20 ปี ใครจะมาทำไม่รู้ แต่ผมคิดไว้ให้ได้ว่าจะต้องทำอะไร ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะปรับแก้เองว่าควรจะทำหรือไม่ทำ"

"การปฏิรูปหรือแผนปฏิรูปที่เสนอขึ้นมาแล้ว แม้จะเป็นกฎหมายก็ต้องพิจาณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ในวันต่อไป ไม่ใช่ทำทุกเรื่อง ถ้าทำทุกเรื่องแล้วเกิดความสับสนอลหม่านก็ทำไม่ได้เลย วุ่นวายไปทั้งหมดแล้วจะทำอย่างไร แค่เอาคนออกจากริมคลองยังทำไม่ได้จะสร้างที่อยู่ให้ใหม่ก็ยังทำไม่ได้ แต่ทุกคนต้องการให้ดีขึ้น แต่ไม่ยอมรับกติกา ถ้าสอนสังคมแบบนี้ ตนว่าไปไม่ได้หรอก ต่อให้ใครมาปฏิรูปก็ตาม"

ผู้สื่อข่าวถามว่า เดือนมิ.ย.กำหนดวันคุยกับพรรคการเมืองหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่กำหนด ต้องดูความพร้อมพรรคการเมือง บางพรรคบอกจะไม่มา ไม่มาก็อย่ามา คนมาเขาก็คุยกับผม ไม่มาก็อย่ามา ประชาชนก็ไปคิดเอาเองว่าทำไมเขาถึงไม่มา ในเมื่อทุกคนอยากจะเลือกตั้ง ก็ควรจะมาคุยกัน แต่ต้องมีกติกาไม่ใช่ปล่อยเละเทะเหมือนเดิม

"ผมปล่อยบ้านเมืองเละเทะไม่ได้ การปลดล็อกต้องไปทีละขั้นจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าบ้านเมืองจะไม่มีปัญหา เวลาปลดล็อกมาก ๆ ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร วันนี้ยังไม่ปลดล็อกเลยก็ออกมาพูดกันทุกเรื่อง แล้วสื่อก็ขยายความ ทางนู้นมาเล่นงานทางผม แล้วจะให้ผมอารมณ์ดี ยิ้มหัวเราะ ผมก็ต้องชี้แจงบ้าง ถึงเวลาท่านเป็นรัฐบาล ผมก็ไม่เคยไปโต้ตอบกับท่านได้ แต่วันนี้ท่านโต้ตอบได้หมด ทำไมล่ะแปลกเหมือนกัน"นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการลงพื้นที่พบประชาชนจะเป็นพื้นที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ลงพื้นที่แล้วเป็นอย่างไร ลองตอบมาซิ เขาลงพื้นที่เพราะอะไร ไปดูดหรือฉันไม่เคยดูดใคร"

เมื่อถามว่า ทำไมวันนี้ดูเคร่งเครียด นายกฯ กล่าวว่า ถามคำถามสำคัญมาตนก็ต้องเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังหน่อย จะพูดเล่นทุกเรื่องได้อย่างไร พอพูดเล่นสื่อก็บอกบันทึกไม่ได้ พอพูดยาวๆก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่มีข่าวทำข่าวไม่ได้เลย นี่เป็นการพูดสร้างสรรค์ วันนี้เสียงดังแข็งแรง เพราะเห็นหลายอย่างมันดีขึ้นพอเขาทำเยอะก็บอกว่าเป็นโปรโมชั่นของรัฐบาลมาหาเสียง แต่บิ๊กดาต้าเป็นการทำเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติ ข้อ 6

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อครั้งลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ นายกฯ ได้แนะนำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นทีมประชารัฐของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนเป็นหรือไม่ อยู่ในการทำประชารัฐหรือไม่ ภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ ประชาสังคมใช่หรือไม่ วันนั้นที่แนะนำเช่นนั้นตนต้องพูดเพื่อเป็นการให้เกียรติเขาเพราะเขามาให้เกียรติตน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นกองหนุนสำคัญในอนาคตหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่เกี่ยวจะอยู่พรรคไหนตนไม่สนใจ เขาจะสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปประเทศหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่านจะอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่

"ผมยังไม่พูดซักคำว่าอยู่พรรค ฉะนั้น อย่าไปเขียนว่า นี่พวกนั้น นั่นพวกนี้ เวลานี้ผมยังไม่ได้พูดอะไรซักอย่างผมจะไปอยู่กับใครก็ยังไม่รู้ หรือไม่อยู่ก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือมันจะต้องไม่กลับมาที่เดิม สื่อไม่ห่วงหรือ หรือวันหน้าสื่อก็เขียนข่าวหากินได้ตลอด ถ้าบ้านเมืองมันยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนอลหม่านกลับมาที่เดิม สื่อก็เขียนข่าวไปท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าชอบแบบนั้นก็เอา วันนี้คุณเขียนข่าวด้วยความสบายใจไม่ต้องหลบนู่นหลบนี่" นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าวันนี้มีกองหนุนเพียงพอแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยติดว่าใครจะมาหนุนหรือไม่หนุน หนุนประเทศชาติกันเถอะ หนุนว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัย ไม่ต้องมาหนุนตนก็ได้ ใครก็ได้ที่ทำได้แบบตน หรืออาจจะมีคนทำได้ดีกว่าเยอะแยะไปหามา ไม่ใช่มีอยู่ 3-4 คน ทำโพลกันอยู่ได้ ไปทำกันบ้างสิโพลคนอื่นๆ แต่ถ้าทำโพลมุ่งหวังให้ 3 คน ทะเลาะกันตีกันก็เป็นอยู่แบบนี้ ลองไปทำโพลใส่มาสิจะเอาใครเป็นนายกฯ มีหรือไม่หามา ไม่ต้องมีตนก็ได้ ตนยังไม่ได้เป็นอะไรซักอย่าง วันนี้เป็นนายกฯ วันหน้าไม่รู้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูบรรยากาศทางการเมืองในวันนี้เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวติดตลกว่า บรรยากาศข้างนอกเหมือนฝนจะตก ก็ดีชาวบ้านจะได้ทำนาปี
เมื่อถามว่า หมายถึงบรรยากาศที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ดีไม่เห็นเสียหายอะไร สื่อไปวิพากย์วิจารณ์กันเองไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ตนไม่ได้ต้องการให้เลื่อนการเลือกตั้งแต่หลายคนก็พยายามให้เลื่อนให้เร็วขึ้น บางคนก็บอกไม่อยากให้เลือกตั้งก็แล้วแต่ กติกาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น