posttoday

"ไพบูลย์"ยื่นตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป ย้ำ นายกฯไม่ควรสังกัดพรรคการเมือง

15 พฤษภาคม 2561

ไพบูลย์ นิติตะวัน นำว่าที่กรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นเอกสารจัดตั้งพรรคต่อกกต. ย้ำ นายกฯไม่ควรสังกัดพรรคการเมือง

ไพบูลย์  นิติตะวัน นำว่าที่กรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นเอกสารจัดตั้งพรรคต่อกกต. ย้ำ นายกฯไม่ควรสังกัดพรรคการเมือง

เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 15 พค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน  ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป และว่าที่กรรมการบริหารพรรค ทั้ง 27 คน ได้นำเอกสารหลักฐาน พร้อมรายชื่อสมาชิก  มายื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อขอจดจัดตั้งพรรค

นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ได้นำเอกสารจำนวน 9,000 หน้าประกอบด้วยรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรค 1,441 คน และเอกสารต่างๆ มายื่นแจ้งจัดตั้งพรรค มีทุนประเดิมแล้ว 1,441,000 บาท คาดว่าภายใน 4 เดือน จะหาสมาชิกได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ชื่อ และจะมีสมาชิกพรรคครอบคลุมทุกจังหวัด ส่วนการหาสมาชิกเพิ่มต้องรอการปลดล็อคคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ก่อน ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งจำนวนเท่าใด เชื่อว่า จะได้คะแนนมาก เพราะจะส่งผู้สมัครลงทุกเขต ส่วนการเลือกตั้งระบบไพรมารีโหวต เชื่อว่าจะทำทัน ส่วนระบบเลือกตั้ง มองว่า ออกแบบได้ดี เชื่อว่าจะทำให้คะแนนเสียงของประชาชนมีค่ามากขึ้น และช่วยทำให้การเลือกตรงใจผู้เลือกมากที่สุด

สำหรับนโยบายของพรรค ได้กำหนดไว้ 3 ข้อ ซึ่งจะใช้เฉพาะช่วง 5 ปีแรกของการเปลี่ยนผ่านเท่านั้น ประกอบด้วย การเพิ่มอำนาจให้ประชาชนมีสิทธิตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจรัฐ ผ่านการเสนอให้มีการจัดตั้งสภาประชาชนปฏิรูปประจำจังหวัดในทุกจังหวัด นโยบายที่สองคือ การปฏิรูปพระสงฆ์และการจัดการทรัพย์สินของวัดด้วยการเสนอร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับธรรมาธิปไตย นโยบายที่สาม คือ การปฏิรูปนักการเมืองและพรรคการเมืองให้เป็นเครื่องมือของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนนโยบายด้านอื่นๆให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ

นายไพบูลย์ เชื่อมั่นว่า พรรคประชาชนปฏิรูป จะเป็นเสาหลักที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบอบการเมืองไทยและจะทำให้พรรคการเมืองอื่นๆหันมายึดตามหลักของพรรคตัวเองที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนการแก้ปัญหาด้วยการใช้กฎหมาย ไม่สนับสนุนการใช้กำลังหรือการชุมนุมต่อไป ยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะที่จะเป็นนายกฯ เพราะเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ นายกฯไม่ควรจะมาจากการสังกัดพรรคการเมืองหรือจากระบบการเลือกตั้ง เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

กรณีที่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำการดูดส.ส.พรรคอื่นให้มาสนับสนุนตัวเอง นายไพบูลย์มองว่า เป็นวาทกรรมของพรรคการเมืองที่ต้องการทำลายพล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า เหตุนี้ตัวเองจึงต้องมาจัดการปฏิรูปการเมือง ขณะที่ ข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติมองว่าไม่เห็นด้วยกับนิยามดังกล่าว แต่อยากเห็นการร่วมมือกันของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความไม่ขัดแย้งกัน อาจเป็นการใช้ชื่อว่ารัฐบาลเสียงข้างมากพิเศษ ทั้งนี้ ยังมองว่าหลังเลือกตั้ง นักการเมือง ควรฟังเสียงของวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง เพราะส.ว.จะช่วยเปลี่ยนผ่านความขัดแย้งได้ และหวังว่าการเมืองจะเดินหน้าร่วมมือกันไม่กลับไปสู่การที่พรรคการเมืองใช้อำนาจแบบเดิมๆเหมือนก่อนวันที่ 22 พค. 2557 อีก