posttoday

"สมคิด-บรรเจิด"ชำแหละรธน.ชี้สิทธิเสรีภาพถูกจำกัดภายใต้ความมั่นคง

15 พฤษภาคม 2561

สมคิด-บรรเจิด ชำแหละรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย สิทธิเสรีภาพถูกจำกัดภายใต้ความมั่นคง ชี้ ตั้งโจทย์แก้ปัญหาผิด สร้างปัญหาระยะยาว

สมคิด-บรรเจิด ชำแหละรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย สิทธิเสรีภาพถูกจำกัดภายใต้ความมั่นคง ชี้ ตั้งโจทย์แก้ปัญหาผิด สร้างปัญหาระยะยาว

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่รัฐสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สถาบันพระปกเกล้า และสมาคมรัฐประศาสนศาตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเวทีสัมมนา เรื่อง "การใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญกับการใช้อำนาจรัฐ" ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ที่จะนำไปสู่ปัญหาในการตีความและการบังคับใช้

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ สมาชิกสนช. อภิปรายว่า สิทธิเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญรับรองซึ่งจะก่อให้เกิดหน้าที่แก่รัฐ ส่วนเสรีภาพเป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้แต่ไม่ก่อให้เกิดหน้าที่ของรัฐ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ร่ำรวยรัฐธรรมนูญประเทศหนึ่ง โดยเรามีรัฐธรรมนูญหนึ่งฉบับในทุก4ปี รัฐธรรมนูญพ.ศ.2540 มีสิทธิเสรีภาพของประชาชนจำนวน 40 มาตรา แต่รัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มีจำนวน 25 มาตรา แต่จำนวนมาตราที่น้อยจะหมายความว่าได้รับสิทธิเสรีภาพของประชาชนน้อย เพราะแนวคิดของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องการเขียนรัฐธรรมนูญให้สั้นลง

นายสมคิด กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 อยู่ที่การกำหนดในมาตรา 25 ว่าให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพนอกเหนือไปจากที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ซึ่งเป็นการสร้างนวัตกรรม แต่คำถามใหญ่ คือ ประชาชนจะมีสิทธิเสรีภาพอะไรบ้าง

“เดิมสิทธิเสรีภาพ ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ 20 มาตรา ก็มี 20 แต่อาจารย์มีชัยมาเขียนในลักษณะ 25มาตราบวกบวก ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่าคนเราเกิดมาจะมีสิทธิเสรีภาพติดตัวมาแต่กำเนิด และรัฐค่อยมารับรองสิทธิเสรีภาพนั้น แต่ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น คือ อาจารย์มีชัยเขียนโดยมาตรา25ที่มีการบวกบวกเพิ่มเข้าไปนั้นมีทั้งเรื่องสิทธิและเสรีภาพเข้าไปพร้อมกันอาจจะมีปัญหาทางกฎหมายว่าที่สุดแล้วประชาชนจะมีสิทธิที่รัฐจะรับรองมีอะไรบ้าง”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า คนใช้กฎหมายต้องอ่านรัฐธรรมนูญให้ดี เช่น มาตรา 44ว่าด้วยเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุมนั้นไม่สามารถจะไปจำกัดได้ เว้นแต่เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ซึ่งการระบุเช่นนี้เป็นการย้ำว่ารัฐธรรมนูญต้องการให้การชุมนุมเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไปตีความว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องการรักษาความมั่นคงของรัฐหมด แบบนี้การชุมนุมประท้วงจะทำไม่ได้เลย ถ้าเราอยากให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องยอมรับเรื่องความขัดแย้งและการชุมนุม มิเช่นนั้น การพูดเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาธิปไตยและเสรีภาพก็จะเป็นเพียงลมปากเท่านั้น

“ปัญหาใหญ่ คือ เราไม่อยากให้การชุมนุมทุกครั้ง เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐไม่ประสงค์ให้ชุมนุม ถ้าเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายคิดในเชิงว่าทุกอย่างการชุมนุมทุกอย่าง คือ ความวุ่นวายและกระทบความมั่นของรัฐ การชุมนุมซึ่งบางเรื่องเป็นเรื่องที่ทำให้คนได้รับการศึกษาและสะท้อนให้ผู้มีอำนาจเห็นประโยชน์จากเรื่องนั้นมากยิ่งขึ้น เราก็น่าจะกระทำ”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า หลักของกฎหมาย คือ การใช้อำนาจรัฐต้องใช้ให้น้อยที่สุด ซึ่งเข้าใจว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ดูจากประสบการณ์ของประเทศช่วงปี2553-2557 ที่มีการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเอาโจทย์ร้ายแรงเป็นตัวตั้งสิ่งที่ได้ คือ การสร้างเงื่อนไขจำนวนมาก ดังนั้น แม้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะมีเจตนาดีที่ต้องการให้ประเทศกลับมาในจุดที่เหมาะสม แต่เป็นห่วงเรื่องการใช้กฎหมาย

นายบรรเจิด สิงคะเนติ ผู้อำนวยการหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต นิด้า กล่าวว่า รากฐานของเสรีภาพทางการเมืองหรือเสรีภาพในทางประชาธิปไตย ต้องประกอบด้วยเสรีภาพ ดังนี้ 1.เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น 2.เสรีภาพในการชุมนุม 3.เสรีภาพในการรวมกลุ่ม และ 4.เสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมือง การแสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและยุบสภายังอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ การใช้เสรีภาพของบุคคลนั้นถ้าทำคนเดียวเสียงอาจจะไม่ดัง แน่นอนว่าจะต้องใช้การชุมนุมเข้ามา ดังนั้น ในสังคมประชาธิปไตยต้องมีเสรีภาพทั้ง 4 ประการ

นายบรรเจิด กล่าวอีกว่า ความมั่นคงของรัฐกับความมั่นคงของรัฐบาลต้องแยกออกจากกันให้ดี ซึ่งส่วนตัวตัวคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับเดิมบัญญัติไว้ชัดว่าการจะใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนจะกระทำไม่ได้ก็ต่อเมื่อเป็นการใช้ในลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เช่น ไทยเป็นรัฐเดี่ยว ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าใครใช้สิทธิเสรีภาพเป็นปฏิปักษ์กับสิ่งเหล่านี้จะกระทำไม่ได้ เป็นต้น ผิดกับรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 ที่บัญญัติเรื่องการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการตีความทันที

“การจะแก้ปัญหาการชุมนุม ผู้มีอำนาจทางการเมืองต้องแก้ไขความขัดแย้งทางกรารเมือง ตราบเท่าที่ความขัดแย้งทางการเมืองยังดำรงอยู่ การแสดงออกทางการเมืองย่อมเป็นเงาตามตัว”นายบรรเจิด กล่าว