posttoday

"พิชัย"อ้าง "แจ็ค หม่า" ลงทุนในไทยน้อยกว่ามาเลย์5เท่า

20 เมษายน 2561

พิชัยระบุ "แจ็ค หม่า" ลงทุนในไทยน้อยกว่ามาเลเซีย 5 เท่า ไม่ได้ลงทุนในไทยมากกว่าเหมือนรัฐบาลบอก เตือนควบคุมให้ดีอย่าถูกครอบงำทางการค้าออนไลน์

พิชัยระบุ "แจ็ค หม่า" ลงทุนในไทยน้อยกว่ามาเลเซีย 5 เท่า ไม่ได้ลงทุนในไทยมากกว่าเหมือนรัฐบาลบอก เตือนควบคุมให้ดีอย่าถูกครอบงำทางการค้าออนไลน์

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ในที่สุดแล้ว นายแจ็ค หม่า และกลุ่มอาลีบาบา ก็ตัดสินใจมาลงทุนในไทย ซึ่งตอนที่ตนถูกเรียกครั้งที่ 8 ให้ไปที่กองทัพภาคที่ 1 และพบกับ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เป็น รัฐมนตรีก็ได้บอกให้ นายกอบศักดิ์ เร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะอย่างไรอาลีบาบาที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางอีคอมเมิร์ซ ก็ต้องลงทุนในทุกประเทศในอาเซียนอยู่แล้ว แปลกที่ใช้เวลานาน เพราะนายแจ็ค หม่า มาใช้เวลาเพียง 10 นาที เท่านั้นหลังที่พบผู้นำมาเลเซีย และประกาศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางภูมิภาค ซึ่งก็เสียดายที่ไทยไม่ได้เป็นศุนย์กลางของภูมิภาคนี้ทั้งๆที่ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยเหมาะสมกว่ามาเลเซียมาก และหากไทยได้เป็นศูนย์กลางจะเป็นประโยช์กับไทยอย่างมาก

การลงทุนของอาลีบาบาในไทยเริ่มเพียง 11,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการลงทุนของอาลีบาบาในมาเลเซียเริ่มที่ 7000 ล้าน ริงกิต หรือ ประมาณ 56,000 ล้านบาท หรือน้อยกว่าถึง 5 เท่า ไม่ได้ลงทุนในไทยมากกว่าในมาเลเซียเหมือนที่ นายอุตตม สาวนายน รมว. อุตสาหกรรมโฆษณาแก้เก้อไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนที่จะลงทุนเพิ่มในอนาคตคงต้องดูกันต่อไป

อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลคำนึงว่าการค้าออนไลน์เป็นธุรกิจที่จะขยายตัวอย่างมากในปัจจุบันและในอนาคต หากประเทศไทยตามไม่ทันอาจถูกครอบงำได้ และ ธุรกิจใหญ่เล็กในประเทศก็จะได้รับผลกระทบทั้งหมด การที่พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่านายแจ๊ค มา รวยแล้ว และจะมาช่วยโดยไม่หวังประโยชน์ อาจจะเป็นคำพูดที่ขาดการไตร่ตรองทางความคิด เพราะคงไม่มีพ่อค้าคนไหนควักเงินมาลงทุนเป็นหมื่นล้านบาทแล้วจะไม่หวังประโยชน์ตอบแทนอย่างแน่นอน อย่าให้ประชาชนหวลนึกถึงคำพูดของ คสช. ตอนเข้ามาปฏิวัติที่บอกว่า ไม่หวังผลประโยชน์เช่นกัน ดังนั้นจึงอยากขอเตือนให้รัฐบาลรอบคอบและตามให้ทันเพื่อไม่ให้ธุรกิจใหญ่น้อยของไทยได้รับผลกระทบจากการลงทุนนี้

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้มีนโยบายและแผนงานในการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ของประเทศอย่างเป็นระบบแล้ว เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ให้พ่อค้าใหญ่ได้ประโยชน์เหมือนที่เกิดเป็นประจำในรัฐบาลนี้