"สุดารัตน์" ลั่นไม่แย่งชิงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย – ท้า "บิ๊กตู่" เปิดหน้าหากคิดเล่นการเมือง

คุณหญิงสุดารัตน์ ยันไม่ขอแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท้าให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงตัวให้ชัดเจนหากจะลงการเมือง

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยและคนใกล้ชิดรดน้ำขอพรเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า การจัดพิธีดังกล่าวไม่มีนัยยะใดเกี่ยวกับกรณีที่แกนนำพรรคเดินทางไปตีกอล์ฟที่จังหวัดนครปฐม เพราะการตีกอล์ฟจะมีขึ้นช่วงบ่าย และไม่ได้เป็นการเช็คชื่อผู้ที่สนับสนุนตนเอง เนื่องจากตนไม่ได้เป็นคุณครู และงานดังกล่าวก็จะขึ้นเป็นประจำทุกปี

ส่วนการทำงานการเมือง ยืนยันว่ายังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแน่นอน ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรคเห็นว่าคนเดิมทำดีอยู่แล้ว และไม่แย่งชิง ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีใครแย่งกันเป็นหัวหน้า เพราะการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่เหนื่อย โดยกฎกติกาใหม่ที่ คสช.ร่างขึ้น

“ทุกคนห่วงประเด็นหัวหน้าเพื่อไทย แต่ดิฉันเชื่อว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคและนายภูมิธรรม เลขาพรรครวมถึงผู้บริหารเพื่อไทย ทำหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมาดีอยู่แล้ว ต้องชื่นชมและให้เกียรติเคารพในความดีของทุกคน จึงไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรตอนนี้”

คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยอีกว่า เท่าที่หารือกับหลายคนยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทย ส่วนการที่พรรคจะกลับมาเป็นรัฐบาลยากขึ้นหรือไม่นั้น พรรคยอมรับการตัดสินใจของประชาชนจากการเลือกตั้งในอนาคต   

ส่วนกรณีรัฐบาลตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ มองว่า คงไม่เป็นนัยยะ เพราะมีความชัดเจนอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามาสู่การเมืองและปรารถนาที่จะเป็นนายกฯต่อ อีกทั้ง คสช.เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้ผู้ที่มีอำนาจอยู่ในขณะนี้สืบทอดอำนาจอยู่ยาวนาน ซึ่งหากเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ต้องหาวิธีที่จะทำให้การเลือกตั้งได้เปรียบที่สุด คสช.สามารถใช้อำนาจของเขาได้ แต่ถามว่าจะทำให้การใช้อำนาจทางประชาธิปไตยบิดเบี้ยวหรือไม่ ซึ่งมันบิดเบี้ยวแน่ เพราะมีการให้อำนาจ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนในการเลือกนายกฯ หรือการทำอีกหลายเรื่อง

“คนแต่งตั้งกับที่มาจากประชาชนถ้ามาจากระบอบประชาธิปไตย อำนาจจะต้องมาจากประชาชน แต่นี่มีคนกลุ่มหนึ่งที่มาตั้งคน 250 คนแล้วให้มีอำนาจเท่ากับคนที่ประชาชนเลือก มันคือการปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจที่ชัดเจนอยู่แล้ว รวมทั้งตัดสิทธิของประชาชนออกไปเยอะมาก สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเข้าสู่ประชาธิปไตยของเราไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างแน่นอน และไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนที่แท้จริงจากกลไกที่วางไว้ ทุกคนยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงตัวให้เกิดความชัดเจนว่าจะเข้าสู่การเมือง ด้วยวิธีการที่เปิดเผยชัดเจน อย่างตรงไปตรงมา แสดงตัวมาเลยว่าสังกัดพรรคนี้ นักการเมืองที่เข้าสู่การเมืองก็ประกาศตัวชัดเจนว่าจะอยู่ตรงไหน ถึงแม้ว่า คสช.จะได้เปรียบหลายอย่างจากวิธีการที่อำพรางไว้ แต่ก็ควรเปิดเผยเพื่อความสง่างามในการกลับเข้ามาแล้วให้ประชาชนตัดสินใจเลือก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยังจะร่วมมือกับพรรคพลังชลหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตามจริงก็อยู่คนละพรรคแล้วแต่ ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ถ้าเป็นประเด็นที่สังคมต้องการและจำเป็นต้องมีเสียงร่วมกันก็ว่าไปแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของส่วนรวม ส่วนจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคตหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าพรรคพลังชลจะร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้านัยยะเพื่ออำนาจก็คงไม่รวมกับใครเพื่ออำนาจที่ไม่ถูกต้อง