posttoday

สำนักโฆษกฯแจง"ไลน์”7ล้านตีปี๊บผลงานรัฐบาลเป็นราคามาตรฐาน

12 เมษายน 2561

ผอ.สำนักโฆษกฯแจงผุดสติ๊กเกอร์ไลน์ตีปี๊บผลงานรัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มช่องทางสื่อสารกับประชาชนการใช้งบประมาณกว่า7ล้านบาทถือเป็นราคามาตราฐาน

ผอ.สำนักโฆษกฯแจงผุดสติ๊กเกอร์ไลน์ตีปี๊บผลงานรัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มช่องทางสื่อสารกับประชาชนการใช้งบประมาณกว่า7ล้านบาทถือเป็นราคามาตราฐาน

เมื่อวันที่ 12เม.ย.61 นางนัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) กล่าวชี้แจง กรณีมีกระแสข่าวว่าสำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมสร้างออฟฟิศเชียลไลน์ และสติ๊กเกอร์ไลน์ งบประมาณ7 ล้านบาท ว่า 1.การจัดจ้างดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานประจำปีของสำนักโฆษกฯ ซึ่งมีภารกิจเผยแพร่นโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติราชการโดยไม่ได้เป็นข้อริเริ่มของฝ่ายการเมือง ตามที่นำไปพาดพิงกันแต่อย่างใด

2.ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่สื่อสารข้อมูลในชีวิตประจำวันถึงกันด้วยแอปพลิเคชั่นไลน์ ดังนั้น สำนักโฆษกฯจึงมีความประสงค์จะเพิ่มช่องทางการสื่อสารไปยังประชาชนเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย โดยแม้ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาล แต่ช่องทางไลน์ก็นี้ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับรัฐบาลต่อไป
3.วัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องมือดังกล่าว คือ การสร้างการรับรู้นโยบายสำคัญ หรือการอธิบายข้อมูลที่สังคมเกิดความสับสนหรือเข้าใจผิด เพื่อลดความตื่นตระหนก
4.แหล่งที่มาของราคากลาง จำนวน 7,029,900 บาท ใช้ราคาตลาด โดยสืบราคาจากบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นราคามาตรฐานที่ให้บริการแก่หน่วยงานอื่นของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ
5. สลน.ได้ประกาศราคากลางทางเว็บไซต์ และประกาศทางเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลางเช่นเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้
6.การจัดจ้างดำเนินงานใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เนื่องจากผู้รับจ้างมีความชำนาญและเป็นผู้ให้บริการแอปพลิชันแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย
และ7.สำหรับการจัดทำสติ๊กเกอร์ไลน์นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการกำหนดแนวคิด ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด

"ยืนยันว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลแก่ประชาชน ซึ่งมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ทันสมัย ล่าช้า และไม่ตอบโจทย์สังคม และทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้จากสาธารณชน" นางนัทรียา กล่าว