posttoday

"ธนาธร"แถลงตั้งพรรคอนาคตใหม่ก่อนไปจดทะเบียนกกต.

15 มีนาคม 2561

"ธนาธร จึงรุงเรืองกิจ"เปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ชูนโยบายให้ประชาชนมีโอกาสเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งไม่ผูกขาดโดยคนกลุ่มเดียว

"ธนาธร จึงรุงเรืองกิจ"เปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ชูนโยบายให้ประชาชนมีโอกาสเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งไม่ผูกขาดโดยคนกลุ่มเดียว

เมื่อวันที่ 15มี.ค.61 เวลา 7.30น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมแถลงเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ พร้อมกับแสดงจุดยืนทางการเมืองดังนี้

ประกาศจุดยืนขอสร้างประชาธิปไตยใหม่

นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ คือ พื้นที่สำหรับคนที่ไม่ยอมจำนนกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และ คือ การเทิดทูนคุณค่าประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน และ ต่อสู้เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าและเป็นธรรมให้กับคนทุกคน และ เราเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความฝันและจินตนาการ  และ มีสิทธิที่จะได้เดินตามความฝันและปกป้องความฝันของตัวเองไว้ วันนี้เราจึงรวมกันเพื่อจดจัดตั้งพรรคการเมืองที่เราเชื่อว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่ยืนหยัดเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน

“ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนาน การกดขี่ ริดลอนเสรีภาพของประชาชน การใช้กำลังอันป่าเถื่อนและกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ปิดปากความคิดเห็นที่คิดต่างจากผู้มีอำนาจ ปิดปากความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ ผมชื่นชมและภูมิใจในกลุ่มที่เข้าร่วมกับผมและอาจารย์ปิยบุตรที่มาร่วมสร้างพรรคการเมืองใหม่ในวันนี้ด้วยกัน”

นายธนาธร กล่าวว่า ได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเข้ามาทำงาน และไม่กลัว โดยพร้อมจะต่อสู้และยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน อยากจะเห็นพรรคการเมืองที่ไม่กลัวและกล้าสู้กับองค์กร สถาบันและค่านิยมต่างๆที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย

ด้าน นายปิยบุตร กล่าวว่า คุณคิดว่าเราและลูกหลานของเราจะมีอนาคตแบบใดในประเทศที่อยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอย่างร้าวลึกมากว่าทศวรรษ ในประเทศที่เกิดการรัฐประหารซ้ำซาก ฉีกรัฐธรรมนูญทุก4 ปี ในประเทศที่กองทัพฉวยโอกาสเข้าครองอยู่เสมอในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤติ

“ประเทศไทยประเทศของเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ สถานการณ์ที่ด้านหนึ่งการเมืองแบบแบ่งขั้วอย่างชนิดที่ไม่สามารถหาจุดร่วมกันได้เลย เป็นอุุปสรรคต่อการเจรจาหารือกัน ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง การเมืองแบบเผด็จการทหารก็ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน กดทับเอาปัญหาทั้งหมดไว้อยู่ภายใต้อำนาจปืน ทำให้ความขัดแย้งไม่อาจยุติลงได้ ไม่อาจแสวงหาฉันทามติร่วมกันของคนในชาติได้ ตรงกันข้ามกลับทำให้ความขัดแย้งร้าวลึกลงไปอีก การเมืองไทยถูกแบ่งแยกออกเป็นฝักฝ่าย ผู้สนับสนุนแต่ละฝ่ายต่างทุ่มเทสรรพกำลังไปกับการทะเลากัน ทั้งๆที่เอาเข้าจริงแล้วผู้สนับสนุนทั้งหลายต่างก็เป็นประชาชน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกันนี้ มีแต่ทำให้ประชาชนแย่ลง ในขณะที่ผู้มีอำนาจไม่กี่คนกลับตักตวงเอาผลประโยชน์จากความขัดแย้ง”

ทวงคืนโอกาสให้ประเทศไทย

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เราจะออกจากสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพื่อนำพาประเทศนี้ออกจากวิกฤติ พวกเราจึงร่วมกันก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่เพื่อความหวังในการกลับสู่ประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่และเพื่อปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น

ในประการแรก พรรคอนาคตใหม่จะทำให้ประชาชนคนไทยเห็นร่วมกันว่าเราสามารถกลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตยได้ วิกฤตการณ์ความขัดแย้งตลอดทศวรรษทำให้กองทัพครองอำนาจได้อย่างยาวนาน โดยอ้างตนเป็นคนกลางเข้ามาแก้ไขวิกฤต ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว กองทัพเป็นคู่ขัดแย้งและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา พวกเขาสร้างภาพหลอนอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เสมอว่าหากกลับไปสู่ประชาธิปไตย หากกลับไปสู่การเลือกตั้ง ความขัดแย้งวุ่นวายตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะกลับมาอีก ทำให้คนจำนวนมากจำเป็นต้องยอมทนอยู่กับรัฐบาลทหารเช่นนี้เรื่อยไป ผู้คนจำนวนมากเบื่อหน่ายกับการเมือง จนพาลคิดไปว่าการเมืองแบบประชาธิปไตยไม่อาจแก้ปัญหาได้

การสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่จะช่วยกระตุกความคิดของคนในสังคม จากที่รู้สึกว่าไม่มีทางออก มีแต่ทางตัน ให้กลายเป็นมีทางออกและมีทางเลือกใหม่ ทางเลือกใหม่ที่ทำให้คนมีความหวังว่าการเมืองจะดีขึ้นและทำให้คนพร้อมกับไปสู่การเลือกตั้ง กลับไปสู่การเมืองแบบประชาธิปไตย และเชื่อมั่นว่าความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นเรื่องปกติ และประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขกันเอง

ประการที่สอง พรรคอนาคตใหม่มุ่งเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้แก่ประเทศไทย พรรคอนาคตใหม่มีวิธีการบริหารจัดการแบบใหม่ หลอมรวมเอาคนที่ไม่ยอมจำนนกับสิ่งที่เป็นอยู่ หลอมรวมเอาคนที่มีความสามารถเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อลงมือสร้างการเมืองแบบบใหม่ และนำเสนอนโยบายแบบก้าวหน้า นโยบายที่เน้นการกระจายอำนาจ นโยบายที่ทำให้ประชาชนมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม พัฒนาคุณภาพชีวิต ประชาชนเข้าถึงทุนและทรัพยากร ทลายการผูกขาดทางเศรษฐกิจ พัฒนาระบบสวัสดิการที่สร้างหลักประกันถ้วนหน้าให้กับทุกคนตั้งแต่เกิด เจ็บ แก่ เจ็บ และจนวันตาย สร้างกฎหมายใหม่ให้ทันกับยุคสมัยเอื้อต่อธุรกิจแบบใหม่

หวังเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองใหม่

“ประการสุดท้าย พรรคอนาคตต้องการเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทยใหม่ มุ่งทำงานอย่างสร้างสรรค์  นำเสนอนโยบายและลงมือปฏิบัติ พรรคอนาคตใหม่มีประชาชนทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าของผ่านการระดมทุนและระดมสมอง บริหารจัดการแบบประชาธิปไตยจากรากฐาน เป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกเสียง นโยบายของพรรคมาจากการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการและการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พรรคอนาคตใหม่จะสามารถปักหมุดและชิงพื้่นที่เพื่อเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยได้” นายปิยุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า การเมืองไทยจะไม่ใช่การทำลายล้างศัตรูแต่การเมืองไทย คือ การสร้างสรรค์ และไม่ใช่เรื่องสกปรกหรือใส่ร้ายป้ายสี แต่การเมืองไทย คือ ความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเป็นไปได้เสมอ เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำ การเมืองไทยจะไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่งเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่จะเป็นการแข่งกันเข้าสู่อำนาจเพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชน และการเมืองไทยจะไม่ใช่เรืองชนชั้นนำทางการเมืองไม่กี่คน ไม่ใช่เรื่องของเทคโนแครตผู้เชี่ยวชาญและไม่ใช่เรื่องของข้าราชการเท่านั้น แต่การเมืองไทยจะเป็นเรื่องของประชาชน ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจ

พรรคการเมืองแบบนี้อาจไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนในการเมืองไทย และคงไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในการเมืองไทย แต่อดีตเป็นบทเรียนและประสบการณ์ อดีตไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคต อนาคตเป็นของเรา หากเราเชื่อว่าเป็นไปได้ และลงมือทำ เช่นนี้ก็คือพวกเราที่เป็นผู้กำหนดอนาคต ประเทศไทยเสียเวลาและโอกาสไปมากพอแล้ว ประชาชนคนไทยต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ประชาชนคนไทยมีศักยภาพในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ขอเพียงแต่ให้มีการเมืองแบบประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์และเข้มแข็ง ไม่มีใครที่มีความชอบธรรมเพียงพอในการกำหนดอนาคตให้แก่เราได้นอกจากตัวเราเอง

“นี่ คือ ห้วงเวลาทางประวัติศาสตร์ หากประชาชนไม่ร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตนเองเพื่อนำพาประเทศไทยออกจากทศวรรษที่สูญหายนี้ ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้และเราอาจไม่มีโอกาสฟื้นมันกลับมาได้อีกแล้ว ต้องออกจากทศวรรษที่สูญหาย มุ่งหน้าสู่ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต ร่วมทวงคืนอนาคตประเทศไทย อนาคตใหม่เพื่อประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และเพื่อประเทศไทยที่มีอนาคต” นายปิยบุตร กล่าว

ภายหลังได้แถลงภาพรวมของพรรคอนาคตใหม่ ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงจุดยืนในทางการเมืองและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ช่วง10ปีที่ผ่านมา การรัฐประหารทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสอะไรไปบ้างและพรรคอนาคตใหม่มีอะไรที่ทำให้สังคมเชื่อมั่นว่าคือความหวังและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ต่างจากเดิม?

นายธนาธร ตอบว่า เราเสียเวลาทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เพราะสังคมทั้งสังคมเอาพลัง เอาความศัรทธาซึ่งกันและกัน เอาองค์กรอิสระต่างๆไปเอาชนะกันในทางการเมือง ไม่มีใครมองเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจเลย รัฐบาลทหารปกครองประเทศมาแล้ว 4 ปีเท่ากับรัฐบาลจากการเลือกตั้งหนึ่งเทอม เราเห็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันใดๆบ้างจากนโยบาย ผมคิดว่าผมไม่เห็น

“ต้นทุนของความสงบสุขเยอะเกินไป ต้นทุนของความสงบสุขในวันนี้เป็นความสงบสุขที่ฉาบฉวยและต้องจ่ายสิทธิเสรีภาพของประชาชนและต้องจ่ายด้วยการหยุดพัฒนาเศรษฐกิจในรอบหลายปีที่ผ่านมา มันเยอะเกินไป และแพงเกินไปแล้ว” นายธนาธร กล่าว

พรรคอนาคตใหม่จะลบภาพความเป็นนายทุน และ ความเป็นอาจารย์นิติราษฎร์อย่างไรบ้าง และจุดยืนต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นอย่างไร?

นายธนาธร กล่าวว่า “ลบภาพนายทุน คำถามนี้ตอบง่าย ผมคิดว่าผมจะทำให้พรรคนี้เป็นพรรคที่ยืนอยู่ด้วยหลักการประชาธิปไตย สิ่งที่เราจะอยากเห็นในสังคม เราจะสร้างขึ้นมันที่นี่ก่อน ทุกครั้งที่ผมคุยกับผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ผมเจอแต่พลังและความสดใส ผมเจอแต่ความเชื่อมั่นในการมีส่วนร่วมในประชาธิปไตย ดังนั้น การสร้างประชาธิปไตยจะเริ่มที่นี่ ที่นี่จะต้องเป็นโมเดลของสังคมที่เราอยากให้เป็น พรรคนี้เป็นพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคธนาธรหรือพรรคปิยบุตร แต่จะเป็นพรรคของพวกเราที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ”

“เราจะทำให้ประชาธิปไตยอยู่ในกระบวนการตัดสินใจทุกลำดับตั้งแต่การเลือกผู้สมัคร การกำหนดทิศทางของพรรค และการทำยุทธศาสตร์พรรค ไปจนถึงการทำนโยบายพรรค ทุกลำดับชั้นของการตัดสินใจในพรรค ต้องยึดโยงกับสมาชิกพรรค ในด้านเงิน ผมไม่ต้องการให้พรรคนี้เป็นพรรคที่เติบโตและอยู่ต่อไปด้วยเงินจากกระเป๋าของผม และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ สิ่งที่เราจะทำ คือ ทำให้พรรคการเมืองนี้สามารถระดมทุนจากประชาชนมีความเป็นไปได้จริง และถ้ามันเป็นไปได้ ผมต้องฟังเสียงของพวกเขา และจะดึงผมกลับมายึดติดกับประโยชน์ของสมาชิกพรรค จะไม่มีใครสักคนหนึ่งที่แข็งแรงและมีอำนาจเหนือสมาชิกพรรค เพราะเงินไม่ได้มาจากเขาหรือเธอคนนั้น”

นายปิยบุตร กล่าวว่า “ผมเคยร่วมกับอาจารย์หลายคนเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะทุกท่านคงทราบดีว่ามาตรา 112 ถูกนำไปใช้กลั่นแกล้งกันและทำลายศัตรูทางการเมืองฝั่งตรงข้ามที่คิดเห็นแตกต่างกัน การเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ”

“ณ วันนี้มีหลายกรณีที่เป็นตัวบ่งชี้ให้เราเห็นว่าแม้กระทั่งรัฐและกลไกของรัฐเองก็มีปฏิกิริยาในแง่ของการจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายอาญามาตรานี้เช่นเดียวกัน ในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมการศึกษา ปัจจุบันคงเห็นหนังสือของสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาว่าต่อไปนี้จะให้อัยการสูงสุดเท่านั้นที่เป็นคนพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ เราเห็นทิศทางของศาลที่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มากขึ้น เราเห็นทิศทางของการมีคำพิพากษาจำนวนมากที่ยกฟ้อง นั่นหมายความว่ารัฐเองก็ตระหนักดีถึงปัญหาของมาตรา 112” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การปรับปรุงมาตรา 112 จะทำให้บุคคลทั้งหลายไม่สามารถนำกฎหมายมาตรานี้มาใช้ทำลายล้างกันได้อีก และบุคคลจะไม่สามารถฉวยโอกาสแอบอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ทำลายล้างผู้ที่เห็นต่างหรือศัตรูทางการเมืองของตนเอง สถาบันพระมหากษัตริย์จะดำรงอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีเกียรติยศ ทันสมัย สอดคล้องกับประชาธิปไตย หากกฎหมายอาญามาตรานี้ถูกปรับปรุง

“ในส่วนของผมที่ ณ วันนี้เปลี่ยนบทบาทมาลงสนามในทางการเมือง หลายท่านคงจะถามว่าพรรคการเมืองนี้จะเอาอย่างไรต่อไปกับการแก้ไขมาตรา 112 พรรคนี้ไม่ใช่ของคุณธนาธรและไม่ใช่ของผม พรรคนี้เป็นของสมาชิกทุกคน นโยบายทุกเรื่องที่เราจะนำเสนอมีความหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตย นโยบายของพรรคเกิดจากการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิกและการรับฟังความคิดเห็นของประชาช ณ วันนี้ คสช.ไม่อนุญาตให้เราพูดเรื่องนโยบายนี้ ดังนั้น จะมีโอกาสที่ได้ทำหรือไม่ ณ เวลานี้ก็ตอบไม่ได้ และ พรรคการเมืองนี้ไม่ใช่ของผม ผมมีความคิดแบบนี้ แต่เรื่องจะสำเร็จหรือไม่ และจะเสนอหรือไม่ และจะเป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ที่สมาชิกพรรค และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่าได้ร่วมก่อตั้งนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นเกียรติยศและความภูมิใจในชีวิตที่ได้เสนอข้อเสนอจำนวนมากบนพื้นฐานของประชาธิปไตย แต่ ณ วันนี้ กำลังเปลี่ยนบทบาทจากนักวิชาการเข้ามาสู่สนามทางการเมือง ดังนั้น บทบาทเหล่านี้ต้องเปลี่ยนแปลงไป นิติราษฎร์ก็ยังเป็นนักวิชาการ ยังใช้เสรีภาพทางวิชาการต่อไป แต่ส่วนตัวมีบทบาทในทางการเมือง เราไม่เกี่ยวข้องกัน อาจารย์ในกลุ่มนิติราษฏร์ที่เหลืออยู่ในวันนี้ก็ทำงานทางวิชาการต่อไป ส่วนตัวก็มุ่งหน้าทำการเมืองเพื่ออนาคตใหม่ ดังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

มีความมั่นใจแค่ไหนที่จะแข่งกับพรรคการเมืองใหญ่ในอนาคต?

นายธนาธร กล่าวว่า เราจะเดินไปด้วยความสุขุมรอบคอบ และคิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ใช่พรรคทางเลือกแต่จะเป็นพรรคทางหลัก การแก้ไขปัญหาประชาธิปไตยและการพาสังคมไปข้างหน้า พรรคเราจะเป็นพรรคการเมืองหลัก ทุกพรรคการเมืองจะเป็นคู่แข่งทางการเมือง เราจะต่อสู้ในทุกสนาม ทุกเขตเลือกตั้ง ในทุกชนชั้นอาชีพ เพื่อทุกคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ ทุกสมรภูมิเราจะต่อสู้เพื่อทุกคะแนนเสียง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคทางหลักของสังคมให้ได้

จะอธิบายต่อผู้ที่ยังมองและคิดว่าผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่จำนวนไม่น้อยน่าจะเป็นคนส่วนหนึ่งที่เลือกข้างชัดเจนอย่างไร?

นายธนาธร กล่าวว่า เราไม่ได้เลือกข้างแต่เรามีจุดยืน ถ้าข้างไหนที่ข้ามเส้นจุดยืนนี้ เราต่อต้านและโจมตี ถ้าตราบใดไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ หรือ คุณประยุทธ์ ถ้าข้ามเส้นจุดยืนเมื่อไหร เราจะวิพากษ์วิจารณ์ทันที เราจะต่อต้านทันที ดังนั้น คิดว่าในแง่หนึ่งเรามีอุดมการณ์ทางการเมือง และจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะถือข้างใครอย่างไรเมื่อไหร ตราบใดก็ตามที่เราทำงานการเมืองอยู่ เราจะไม่ประนีประนอมกับจุดยืนอย่างนี้ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ประนีประนอมกับจุดยืนต่างๆเหล่านี้ ผมจะเป็นคนแรกที่ลาออก

เมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งจะสู้กับพรรคการเมืองใหญ่ที่มีฐานเสียงอยู่แล้วอย่างไร และพรรคก็อาจทำได้แค่เอาคะแนนเพื่อเป็นสส.บัญชีรายชื่อ แต่ไม่สามารถผลักนโยบายในภาพรวมได้ และในอนาคต พรรคจะมีโอกาสร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองหรือไม่ และพรรควางตัวให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ?

นายธนาธร กล่าวว่า เราต้องการเป็นพรรคทางหลักและเป็นพรรคที่นำนโยบายไปปฎิบัติได้จริง ดังนั้น เราไม่ได้หวังว่าจะเป็นเสียงส่วนน้อย เราหวังให้พรรคของเราชนะการเลือกตั้ง เรามองทุกพรรคเป็นศัตรูทางการเมืองและคู่แข่งทางการเมือง เพราะเราแย่งทุกเสียงด้วยกัน

“ส่วนหลังเลือกตั้งไปแล้วจะทำงานร่วมกับพรรคไหนนั้นยังไม่รู้ เรายังไม่เห็นผลการเลือกตั้ง แต่จากวันนี้จนถึงการเลือกตั้ง เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทุกคะแนนเสียง แต่หลังจากการเลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้นไม่สามารถบอกได้ อย่างเดียวเท่านั้นที่เราพูดได้ คือ เราไม่รับนายกฯคนนอก เราขอไม่มีส่วนร่วมกับกระบวนการนั้น นั่นคือสิ่งที่เรายืนยันได้วันนี้ แต่ไกลกว่านั้นที่ว่าเราจะเสนอใครเป็นนายกฯหรือจะร่วมมือกับพรรคไหน ยังไม่มีคำตอบในวันนี้” นายธนาธร กล่าว

"ธนาธร"แถลงตั้งพรรคอนาคตใหม่ก่อนไปจดทะเบียนกกต.

 

 

"ธนาธร"แถลงตั้งพรรคอนาคตใหม่ก่อนไปจดทะเบียนกกต.