posttoday

ยกฟ้อง "อดีตการ์ด นปช.-หนุ่มระยอง"ยิง M79ใส่กปปส.ถ.สวรรคโลก ชี้หลักฐานอ่อน

13 มีนาคม 2561

ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง "อดีตการ์ด นปช.-หนุ่มระยอง" ยิง M79 ใส่ กปปส.บน ถ.สวรรคโลก ปี 57 ระบุพยานหลักฐานอัยการอ่อน ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลยพ้นผิด

ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง "อดีตการ์ด นปช.-หนุ่มระยอง" ยิง M79 ใส่ กปปส.บน ถ.สวรรคโลก ปี 57 ระบุพยานหลักฐานอัยการอ่อน ยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลยพ้นผิด

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีการ์ด นปช. ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. สี่แยกเสาวนีย์ ถ.สวรรคโลก หมายเลขดำ อ.4334/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายณรงค์ศักดิ์ หรือตุ้ย พลายอร่าม อายุ 32 ปี อดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ อายุ 43 ปี  ชาวระยอง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำการให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลฯ, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 221, 288, 289, 371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ  พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 55 , 72 ทวิ, 78

กรณีเมื่อวันที่ 29 มี.ค.57 เวลากลางวันจำเลยกับพวก ร่วมกันใช้เครื่องยิงระเบิดแบบเอ็ม 7 และเครื่องกระสุน ยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ที่กำลังเดินขบวนผ่านบริเวณสี่แยกเสาวนีย์ และบน ถ.สวรรคโลก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์เสียหายหลายคัน เหตุเกิดที่แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลางและแขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุก จำเลยทั้งสองคนละ 43 ปี 4 เดือน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยระหว่างฎีกา

ซึ่งอัยการโจทก์ ได้ยื่นฎีกา ขณะที่ก่อนหน้านี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองที่ถูกแยกคุมขังในคดีอื่นที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี และจังหวัดอื่นในเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังแล้วเมื่อเดือน ม.ค. และ ก.พ.61 ที่ผ่านมา

ในวันนี้ศาล จึงนัดเพียงอัยการโจทก์ ให้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษา ซึ่งเนื้อหาคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่า ที่อัยการโจทก์ ยื่นฎีกาว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องนั้น โจทก์มีเพียงพนักงานสอบสวน เบิกความว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจำเลยที่ 1 ให้การว่ารู้จักกับจำเลยที่ 2 มา 2-3 ปี เนื่องจากมีแนวคิดทางการเมืองเป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน และวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 โทรศัพท์แจ้งจำเลยที่ 1 ให้ไปรับเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว

ซึ่งศาลฎีกา เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต โจทก์จะต้องนำสืบความจริงโดยปราศจากข้อสงสัย แต่ลำพังการนำสืบได้ความว่าจำเลยที่ 1 รับสารภาพในชั้นสอบสวน ถึงแม้จะมีน้ำหนักรับฟังพยานได้แต่ก็เป็นเพียงพยานบอกเล่า ซึ่งคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนจะต้องมีเหตุผลหนักแน่นน่ารับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย ขณะที่ยังพบว่าบันทึกคำให้การข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 1 มีความขัดแย้งกันทั้งที่เบิกความห่างกันไม่เกิน 7 วัน และที่จำเลยที่ 1 ให้การว่ามีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับจำเลยที่ 2 ส่วนนี้โจทก์ก็สามารถตรวจสอบได้จากบริษัทผู้ให้บริการมือถือแต่โจทก์ไม่กระทำ ทั้งที่จะเป็นพยานหลักฐานที่จะนำมาประกอบคำรับสารภาพให้มีน้ำหนักได้

ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์มีแต่เพียงพยานบอกเล่าเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน ไม่มีพยานหลักฐานการติดต่อทางโทรศัพท์ในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ อีกทั้งยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นๆ ส่วนประเด็นอื่นศาลอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานโจทก์โดยให้เหตุผลไว้ชอบแล้ว ประกอบกับจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การปฏิเสธในชั้นศาล พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายณรงค์ศักดิ์ นั้น แม้ศาลจะยกฟ้องในคดีนี้ แต่ก็ถูกศาลฎีกาตัดสินในคดีหมายดำ อ.3820/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรณีเมื่อวันที่ 7 มี.ค.57 เวลากลางวัน ได้ใช้อาวุธสงครามเอ็ม79 ยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 แขวงและเขตจตุจักร กทม.โดยมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 16 ม.ค.61ให้จำคุก นายณรงค์ศักดิ์ เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน ส่วน นายพีรพงษ์ ก็ถูกฟ้องด้วย แต่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเช่นกัน