posttoday

กรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่เสนอตั้งกมธ.ร่วมแก้กฎหมายศาลรธน.

06 ธันวาคม 2560

กรธ.ไม่เสนอตั้งกรรมาธิการร่วมแก้กฎหมายศาลรัฐธรรมนูญชี้ ศาลเคยมีคำวินิจฉัยรับรองอำนาจสนช.ไว้แล้ว

กรธ.ไม่เสนอตั้งกรรมาธิการร่วมแก้กฎหมายศาลรัฐธรรมนูญชี้ ศาลเคยมีคำวินิจฉัยรับรองอำนาจสนช.ไว้แล้ว

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่า กรธ.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบและแก้ไขเนื้อหาแล้ว โดยที่ประชุมกรธ.มีความเห็นตรงกันว่าไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เพราะกรธ.ไม่มีความเห็นอะไรเพิ่มเติมและไม่มีความเห็นแย้งกับสนช.

นายอุดม กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตัวแทนจากกรธ.ที่เข้าร่วมเป็นกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงแถลงเหตุผลและข้อห่วงกังวลในประเด็นต่างไว้ชัดเจนแล้วในระหว่างการพิจารณาในชั้นกมธ.และในการพิจารณาของที่ประชุมสนช.ในวาระที่สองและสาม อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 1/2560 ลงวันที่ 5 ก.ย. ในกรณีที่ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำรงตำแหน่งต่อไปนั้น ศาลวินิจฉัยว่า การดำรงตำแหน่งขององค์กรอิสระขึ้นกับการพิจารณาของสนช. เนื่องจากในมาตรา 273 ของรัฐธภรรมนูญที่ระบุให้ การดำรงตำแหน่งของกรรมการองค์กรอิสระเป็นตามกฎหมายลูกนั้น ไม่ได้ระบุข้อจำกัดเรื่องเวลาวาระดำรงตำแหน่ง คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามเอาไว้ ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรธน.ผูกพันทุกองค์กร

เมื่อถามถึง กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในกรณีของผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งผลให้ 5ตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อยู่ต่อเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน จนส่งผลต่อการยอมรับหรือไม่ และทั้ง 5คนสามารถลาออกได้หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า คงพูดแบบนั้นได้ยาก เพราะตุลาการทั้ง 9 คน ที่วินิจฉัย ไม่ใช่เนื้อเดียวกันทั้งหมด ส่วนหนึ่งพ้นวาระแล้ว แต่อีกส่วนก็คุณสมบัติครบ ส่วนการพิจารณาของสนช. ก็มีผู้อภิปรายให้ตุลาการ 5 คนอยู่ต่อไป แล้วให้สรรหาเมื่อมีสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่นั้น ก็เพื่อให้ได้รับการยอมรับ เพราะเมื่อถึงตอนนั้นจะมีประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา และผู้นำฝ่ายค้าน ร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหาด้วย ส่วนการลาออกนั้น ก็ไม่ได้มีกฎหมายอะไรห้ามไม่ให้ลาออก

เมื่อถามถึง เนื้อหาที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญออกมาตรการชั่วคราว หรือคำบังคับ นายอุดมกล่าวว่า กรธ.พิจารณาแล้วเห็นว่า การออกมาตรการชั่วคราว และคำบังคับ มีทั้งข้อดีและข้อที่สุ่มเสี่ยงข้อดีคือ ในเนื้อหากำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและสถานการณ์ทางการเมือง ก่อนออกมาตรการชั่วคราวหรือคำบังคับ แม้จะมีข้อห่วงกังวลว่า การใช้อำนาจนี้ของศาลรัฐธรรมนูญนี้ จะส่งผลกระทบทางการเมือง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสนช.ที่พิจารณาก็มีมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากไปแล้ว  นี่จึงเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องคำนึงถึงสถานการณ์ทางการเมืองด้วย