posttoday

บิ๊กป้อมสั่งคุมเข้มต่างชาติอยู่ไทยเกินกำหนด สักอาชญากรรมข้ามชาติ

12 พฤศจิกายน 2560

พล.อ.ประวิตรสั่งคุมเข้มต่างชาติอยู่ไทยเกินกำหนดพบมีกว่า 1แสนคนส่วนใหญ่ในเมืองท่องเที่ยว หวั่นมีอาชญากรามข้ามชาติแฝงตัว

พล.อ.ประวิตรสั่งคุมเข้มต่างชาติอยู่ไทยเกินกำหนดพบมีกว่า 1แสนคนส่วนใหญ่ในเมืองท่องเที่ยว หวั่นมีอาชญากรามข้ามชาติแฝงตัว

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม (กห.) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยฝ่ายความมั่นคง ยังคงเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชน  โดยเฉพาะ การปราบปรามผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติ ที่เข้ามาก่ออาชญากรรมทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ

ทั้งนี้ปัจจุบัน พบตัวเลขชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ( Over Stay) ประมาณเกือบ  100,000 คน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานทั้ง ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นในการติดตามและกวาดล้าง เครือข่าย อาชญากรรมข้ามชาติทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแฝงตัวของอาชญากรในรูปแบบต่างๆที่เข้ามาในลักษณะนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังย้ำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบระบบข้อมูลเข้าออก รวมทั้งเพิ่มมาตรการกำกับ ติดตาม ควบคุมและดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม กับบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522  ซึ่งมีตกค้างอยู่ในประเทศจำนวนมาก พร้อมทั้ง กำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องและแสวงประโยชน์โดยเด็ดขาด

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคง ได้ดำเนินการกวดขัน ตรวจสอบและจับกุมการแฝงตัวของอาชญากรข้ามชาติในลักษณะนักท่องเที่ยว ตามสถานที่ต่างๆที่ประชาชนแจ้งข้อมูลเบาะแส ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่กทม. เช่น ย่านนานา พระโขนง อ่อนนุช รามคำแหง รวมทั้งพื้นที่ชายแดนและเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ พัทยา สงขลา ภูเก็ตและสมุย เป็นต้น

โดยพบการรวมกลุ่มก่ออาชญากรรมข้ามชาติและในประเทศหลายรูปแบบ เช่น การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้ามนุษย์และการค้าประเวณี การผลิตหนังสือเดินทางและบัตรเครดิตปลอม การจำหน่ายเพชรปลอม การเปิดบ่อนพนันออนไลน์ การเปิดศูนย์ติดต่อหลอกลวงโอนเงิน เป็นต้น  ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุมและทำประวัติแล้วกว่า 300 ราย ยึดของกลางได้ จำนวนมาก 

"ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่ร่วมสนับสนุนข้อมูลและติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมเฝ้าระวัง จะเป็นส่วนสำคัญให้สังคมปลอดภัยและมั่นคงร่วมกัน"พล.ท.คงชีพกล่าว