posttoday

รัฐเตือนจุดพลุลอยกระทงโดน คุก 3 ปี

31 ตุลาคม 2560

รัฐบาลห่วงอันตรายประชาชน กำชับมหาดไทยกวดขันการเล่นดอกไม้เพลิง พลุ โคมไฟ โคมลอย ในช่วงลอยกระทง พร้อมขอความร่วมมือผู้จัดงาน ร้านค้า สถานบันเทิง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

รัฐบาลห่วงอันตรายประชาชน กำชับมหาดไทยกวดขันการเล่นดอกไม้เพลิง พลุ โคมไฟ โคมลอย ในช่วงลอยกระทง พร้อมขอความร่วมมือผู้จัดงาน ร้านค้า สถานบันเทิง ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลลอยกระทง เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่เกิดจากการเล่นดอกไม้เพลิง การจุดและปล่อยพลุ โคมลอย โคมไฟ อยู่บ่อยครั้ง ส่งผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั้งผู้เล่นที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และประชาชนทั่วไป

“นายกฯ ได้กำชับไปยังกระทรวงมหาดไทยให้กวดขันจังหวัด ออกประกาศหลักเกณฑ์การจุดและปล่อยพลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน ให้ชัดเจน เพื่อให้นายอำเภอใช้เป็นแนวทางพิจารณาอนุญาตแก่ผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว หากจังหวัดใดยังมิได้จัดทำประกาศ ห้ามมิให้นายอำเภอสั่งอนุญาตโดยเด็ดขาด”

นอกจากนี้ ให้จังหวัดและอำเภอชี้แจงทำความเข้าใจกับหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในท้องที่ให้ทราบอย่างต่อเนื่องว่า การจุดและปล่อยพลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน จะต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งตรวจสอบแนะนำร้านค้าที่จำหน่ายดอกไม้เพลิงและแหล่งผลิตให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยหากร้านค้าใดไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ห้ามมิให้จำหน่ายเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเข้มงวดตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง สถานีขนส่ง ท่าเรือ เรือ และโป๊ะ เพื่อป้องกันและระงับยับยั้งไม่ให้เกิดอุบัติภัยจากการจุดและปล่อยพลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน และกำชับมิให้ท่าเรือ เรือ และโป๊ะ บรรทุกผู้โดยสารหรือผู้เข้าร่วมงานประเพณีลอยกระทง เกินน้ำหนักที่รองรับได้

“รัฐบาลขอให้หน่วยงานที่จัดงานลอยกระทงใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสม ไม่ส่งเสริมการจุดและปล่อยพลุ โคมลอย โคมไฟ ฯลฯ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเส้นทางการบิน โดยให้ยึดหลักความพอดีและรักษาความงดงามของประเพณีไทย รวมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน  ร้านค้า และสถานประกอบการในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว หรือบุคคลทั่วไป และสร้างความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง”