posttoday

ยิ่งลักษณ์หนีคุกทั้งชีวิต หมดสิทธิอุทธรณ์คดีข้าวหลังพ้น30วัน

30 ตุลาคม 2560

ปิดฉากจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” เมินใช้สิทธิอุทธรณ์ ต้องหนีตลอดชีวิต

ปิดฉากจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” เมินใช้สิทธิอุทธรณ์ ต้องหนีตลอดชีวิต

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ทีมทนายความยังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าจะทำการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ทำให้ไม่ได้ยื่นคำอุทธรณ์ในคดีต่อศาลฎีกาแต่อย่างใด ซึ่งได้ครบกำหนดระยะเวลา 30 วันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา

“เมื่อไม่ได้รับการติดต่อทั้งจากตัวลูกความหรือบุคคลใกล้ชิดว่าจะอุทธรณ์ต่อสู้คดีหรือไม่ จนกระทั่งครบกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาต ก็ถือว่าเรื่องจบไป ส่วนทนายก็สิ้นสุดภาระหน้าที่ในการทำคดีดังกล่าว” นายนรวิชญ์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำคุกเป็นเวลา 5 ปีโดยไม่รอลงอาญา จากกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าว

ด้าน นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล ผู้ตรวจการอัยการ รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว กล่าวว่า คดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าคดีเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้ว เพราะไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์คดีภายใน 30 วัน

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของอัยการนั้น นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด มีความเห็นเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าเห็นด้วยตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ จึงไม่จำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป ดังนั้นจากนี้ไปจะเป็นเรื่องของการบังคับคดีตามคำพิพากษา โดยเฉพาะกระบวนการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับโทษ และไม่มีการนับอายุความ เท่ากับว่าหากหลบหนีก็ต้องหลบหนีไปตลอด สำหรับการจะดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องดำเนินการต่อไป

นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการทำคำอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาฯ ในคดีโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ คณะทำงานจะประชุมในช่วงเดือน พ.ย. เพื่อจะสรุปประเด็นทั้งหมด โดยจะเน้นไปที่กลุ่มเอกชนและโรงสีข้าวที่ศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปก่อนหน้านี้