posttoday

บิ๊กตู่ปลื้ม "ICAO"ปลดธงแดงการบิน ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมมือ

09 ตุลาคม 2560

นายกฯ ปลื้ม "ICAO" ปลดธงแดงการบิน ขอบคุณทุกหน่วยงาน ย้ำตรวจสอบอีก 10 สายการบินเสร็จภายใน ธ.ค.นี้

นายกฯ ปลื้ม "ICAO" ปลดธงแดงการบิน ขอบคุณทุกหน่วยงาน ย้ำตรวจสอบอีก 10 สายการบินเสร็จภายใน ธ.ค.นี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม  นำนายอรุณ มิชรา (Arun Mishra) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Organization: ICAO) ณ กรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กทพ.)  เข้าพบหารือ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่ ICAO ถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน (ปลดธงแดง)ว่า ตามที่ ICAO ได้เข้ามาตรวจสอบกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน ในช่วงเดือนม.ค. 2558 ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าประเทศไทยมีความบกพร่องเกี่ยวกับกระบวนการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศโดยมีข้อบกพร่องที่มีนัยยะสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน(SSC) จำนวน 33 ข้อและต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2558 ได้ประกาศติดธงแดงประเทศไทยบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าประเทศไทยไม่มีการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนอย่างเพียงพอภายใต้มาตรฐานของ ICAO  

ด้วยประเด็นปัญหานี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญโดยถือว่าเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วนโดยได้จาก ตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) เป็นส่วนประสาน การแก้ไขปัญหาและต่อมาได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นหน่วยงานทางการและเป็นผู้แทนรัฐบาลในองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานของ ICAO

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการบินพลเรือนเป็นปัญหาที่สะสมกันมานาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนและเป็นรูปประธรรมเริ่มจากการปฏิรูป มาตรฐานการกำกับดูแลด้วยการปฏิรูปองค์กรหรือหน่วยงาน กำกับดูแลมาตรฐานการบินมาจัดตั้งเป็นองค์กรใหม่คือสำนักงานการบินประเทศไทยทำหน้าที่จัดทำมาตรฐานและกำกับดูแลกิจการพลเรือนของประเทศ

ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกิดความเชื่อมั่นและเชื่อถือจากกิจการการบินพลเรือนทั่วโลก จำเป็นที่จะต้องแก้ไขข้อบกพร่อง 33 ข้อดังกล่าว ทบทวนการตรวจประเมินการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ทั้งหมด 28 สายการบิน ที่ทำการบินระหว่างประเทศแก้ไขปัญหาการเดินอากาศในและพัฒนาบุคลากรที่มีความขาดแคลน ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ประเทศไทยได้ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรกับ ICAO ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วพร้อมทั้งได้เรื่อง ขอประเมินใหม่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2560 และทาง ICAO ได้ส่งคณะผู้ตรวจประเมินจาก ICAO มาตรวจประเมินด้านปฏิบัติการบินและความเหมาะสมจากการเดินอากาศใหม่ระหว่างวันที่ 21- 27 ก.ย.ที่ผ่านมา

ถึงขณะนี้ ICAO ป้ายประกาศ ถอดประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนหรือปลดธงแดงตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2560 เป็นต้น ไป ดังเป็นที่ทราบกันแล้ว ซึ่งวันนี้ผู้อำนวยการ สำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ ICAO  นักกรุงเทพมหานครพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและผู้อำนวยการสำนักงาน กทพ. ได้มารายงานผลการตรวจประเมินและได้รับการยืนยัน จากนายอรุณ แล้วว่า ICAO  ได้มีมติปลดธงแดงอย่างเป็นทางการแล้ว

วันนี้จึงเป็นวันที่น่าภูมิใจสำหรับประเทศโดยส่วนรวม ความไว้วางใจของ ICAO ที่ปลดธงแดงให้กับประเทศไทยในครั้งนี้แสดงถึงความเชื่อมั่นของ ICAO และนานาประเทศที่มีต่อสำนักงานการบินพลเรือนไทยที่ได้ทำหน้าที่กำกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินและความเหมาะสมของการเดินอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของ ICAO และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสายการบินของไทยจะบินไปที่ไหนในโลกนี้ที่มีข้อตกลงการบินระหว่างการเตรียมทำได้และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการสร้างความมั่นใจในการพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลและการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรกำกับดูแลรวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินเพื่อก้าวไปสู่ การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคในอนาคตอย่างมั่นใจ

ในนามนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. คณะรัฐมนตรี ขอขอบคุณหน่วยงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนให้สำเร็จลุล่วงในเวลาที่กำหนดโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และขอบคุณสำนักงานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ICAO  กรุงเทพมหานครที่ได้ให้คำแนะนำและประสานงานอย่างดี การที่สนับสนุนอื่นที่สำคัญได้แก่ ศบปพ. กระทรวงการต่างประเทศที่ได้ทำงานร่วมกันอย่างทุ่มเททั้ง กำลังกายกำลังใจสติปัญญาและเสียสละส่วนตัวเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญของชาติในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินจะเป็นที่ยอมรับ ของ ICAO 

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้ทำงานต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนให้กิจกรรมการบิน คนละเรือนของไทยเติบโตอย่างมีมาตรฐานและยั่งยืนต่อไป

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องใดก็ตามช่วงนี้ที่เป็นผลงานก็ทยอยออกมา และเรื่องนี้ประประเทศไทยได้ประโยชน์ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทการบินที่เข้ามาร่วมมือยอมรับในกติกา แม้เราจะตรวจตรวจไปบางส่วนและเหลืออยู่ประมาณ 10 สายการบินจากทั้งหมด 28สายการเงิน  ซึ่งจะเสร็จภายใน ธ.ค​​​ ซึ่งจะทำให้ทุกสายการบินบินไปต่างประเทศได้  นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ แก้ปัญาภายในองค์กรของเรา และให้ความร่วมมือ ภาครัฐจะเร่งรัดให้เสร็จใน ธ​.ค. หลังจากนี้มีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องไปปรับปรุง เช่นเรื่องบุคลากร อินสเปคเตอร์ นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยได้รับความร่วมมือจาตกต่างประเทศขณะที่ผมเป็นรัฐบาล ขอบคุณอีกครั้ง รัฐบาลยินดีจะสนับสนุน กทพ. และอีกหลายอย่างที่ต้องทำต่อไป  เรื่องนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์นะ”​นายกรัฐมนตรี กล่าว