posttoday

"ประยุทธ์"พอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ

07 ตุลาคม 2560

นายกฯ พอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ กำชับเจ้าหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมยืนยันเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการท่องเที่ยวในประเทศควบคู่กัน

นายกฯ พอใจการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ กำชับเจ้าหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมยืนยันเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการท่องเที่ยวในประเทศควบคู่กัน 

 
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยพอใจภาพรวมการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทและห้างร้านที่มีพฤติการณ์เกี่ยวพันกับทัวร์ศูนย์เหรียญ 29 แห่ง ในความผิดตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542  

“นายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง เพื่อลดการผูกขาดและการทำลายภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทย ส่วนจะมีความผิดอื่น ๆ เช่น หลีกเลี่ยงภาษี อีกด้วยหรือไม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและทำงานอย่างต่อเนื่องก่อน พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าทุกคนทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ได้อิงอยู่กับกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และจะขยายผลไปยังผู้ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญต่อไปในอนาคต” 

อย่างไรก็ตาม นอกจากการปราบปรามการกระทำความผิดทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจังแล้ว รัฐบาลยังได้นำข้อมูลข้อร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แจ้งข้อมูลผ่านหน่วยงานของจีนที่ทำงานร่วมกับทางการไทยไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นด้วย เช่น การบริการที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่ตกลงกันไว้ การขอคืนสินค้าหรือบังคับให้ซื้อสินค้าและบริการ เป็นต้น 

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวจีนประจำประเทศไทย (CNTO) ได้ยกโมเดลของไทยที่บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มธุรกิจทัวร์ที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างจริงจังเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบคุณภาพของบริษัททัวร์ในจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ องค์การท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุด้วยว่า ระหว่างปี 2558 – 2559 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านคน และไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐฯ และสเปน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทัวร์เหรียญ