posttoday

กก.ปฏิรูปตำรวจยันให้อำนาจสืบสวน-สอบสวนไว้สตช.ตามเดิม

20 กันยายน 2560

กรรมการปฏิรูปตำรวจ ยัน ให้อำนาจสืบสวน-สอบสวนไว้ที่สตช.ตามเดิม แต่จะรวมทั้งสองงานเข้าด้วยกัน และเพิ่มอิสระปลอดแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชา

กรรมการปฏิรูปตำรวจ ยัน ให้อำนาจสืบสวน-สอบสวนไว้ที่สตช.ตามเดิม แต่จะรวมทั้งสองงานเข้าด้วยกัน และเพิ่มอิสระปลอดแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชา

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการฯเห็นด้วยกับข้อเสนอคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับโครงสร้างของพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปในเบื้องต้น  โดยคณะกรรมการฯเห็นว่าควรจะใช้วิธีผสมผสานการทำหน้าที่ระหว่างตำรวจในด้านสอบสวนและสืบสวน ซึ่งต่อจากนี้จะรวมงานสืบสวนและสอบสวนเข้าไว้ด้วยกันจากเดิมที่แยกออกจากกัน

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ต้องนำเรื่องสืบสวนสอบสวนมารวมกัน เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีการแยกออกจากกันแต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทั้งนี้ สำหรับการเจริญเติบโตในหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนนั้น ทางคณะอนุกรรมการฯเสนอ 2 ทาง คือ 1.ให้เลื่อนในสายงานหลัก เลื่อนตำแหน่งเมื่อมีตำแหน่งว่าง 2.กรณีตำแหน่งในสายงานพนักงานสอบสวนโดยเฉพาะ ให้เลื่อนในตำแหน่งที่ครอง เป็นการเลื่อนตำแหน่งจากการประเมิน โดยพนักงานสืบสวนสอบสวนสามารถเลื่อนขึ้นไปได้ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสายงานบังคับบัญชานั้น งานสืบสวนสอบสวนยังคงอยู่ภายใต้กำกับดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะมีความจำเป็นที่สตช.ยังต้องรับผิดชอบอยู่ ประกอบกับการทำงานยังต้องใช้บุคลากรและสถานที่ทำงาน จะไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด ยังคงอยู่ในสถานีตำรวจ อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ถัดไปที่คณะกรรมการฯต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ผู้บังคับบัญชา ตำรวจที่มียศสูงกว่าเข้ามากลั่นแกล้งหรือแทรกแซงการทำหน้าที่และโยกย้ายตำแหน่งของพนักงานสืบสวนสอบสวน

เมื่อถามถึงวิธีการที่จะทำให้งานสืบสวนสอบสวนเป็นอิสระไม่ถูกแทรกแซง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า มีข้อเสนอแต่ยังไม่ยุติ โดยให้หัวหน้าสถานีไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อคดี แต่อาจเข้าไปช่วยดูแลเรื่องบุคลากร งบประมาณ เป็นต้น ส่วนกรณีผู้บังคับบัญชาสามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประเมินเพื่อนำไปสู่ความดีความชอบ และการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งเป็นบทบาทที่ไม่เด็ดขาด โดยหัวหน้าสถานีจะไม่ได้ประเมินแบบใกล้ชิด แต่จะประเมินจากภาพรวมอาจประเมินในทางลบหรือบวกก็ได้ ทำให้หัวหน้าสถานีช่วยคลานกับหัวหน้างานสืบสวนสอบสวนที่อาจช่วยกัน กรณีดังกล่าวก็เหมือนกับราชการทั่วไป ทั้งนี้ เราต้องทำกฎหมายเขียนคุ้มครองความเป็นอิสระของพนักงานสอบสวน

“จะต้องคิดหาวิธีปฏิบัติทำอย่างไร ไม่ให้ผู้บังคับบัญชาสามารถทำอะไรก็ได้ หรือดลบันดาลอะไรก็ได้ จะใช้อำนาจหัวหน้าก้าวก่ายทำให้รูปคดีเสียเพื่อช่วยใคร จะต้องทำไม่ได้ ต้องสร้างตรงนี้ให้ได้ ถ้าไม่ได้การปฏิรูปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร” พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าว