posttoday

"สุริยะใส"จี้รัฐชะลอร่างกฎหมายรัฐวิสาหกิจ

10 กันยายน 2560

"สุริยะใส" จี้รัฐชะลอ ร่างกฎหมายรัฐวิสาหกิจ เคลียร์ให้ชัดปฏิรูปหรือแปรรูป ชี้มีความคลุมเครือหลายจุดหวั่นซ้ำรอยรัฐบาลก่อน เอารัฐวิสาหกิจไปขาย

"สุริยะใส" จี้รัฐชะลอ ร่างกฎหมายรัฐวิสาหกิจ เคลียร์ให้ชัดปฏิรูปหรือแปรรูป ชี้มีความคลุมเครือหลายจุดหวั่นซ้ำรอยรัฐบาลก่อน เอารัฐวิสาหกิจไปขาย

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า กระแสเคลือบแคลงสงสัยของสังคมต่อ ร่างพรบ.การพัฒนาการกำกับดูและบริหารรัฐวิสาหกิจ ที่จะนำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ มิใช่การปฎิรูปตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างนั้น มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ภาครัฐต้องชี้แจงประชาชนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ได้ข้อยุติที่สังคมสิ้นข้อสงสัยและสร้างหลักประกันว่าจะเป็นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจจริงๆ ไม่ใช่การแปรรูปหรือเอารัฐวิสาหกิจไปขายเหมือนความพยายามของรัฐบาลก่อนหน้านี้

มีประเด็นมากมายในร่าง พรบ.ฉบับนี้ที่ดูเหมือนมีการซ่อนเงื่อนปมเพื่อผ่องถ่ายทรัพย์สินของแผ่นดินไปอยู่ในมือนายทุนเอกชนซึ่งอาจเป็นนายทุนต่างชาติด้วย เช่น เป้าหมายของร่าง พรบ.ฉบับนี้เน้นการแข่งขันเชิงพาณิชย์มากกว่าการบริการประชาชนหรือไม่ ความเป็นรัฐวิสาหกิจจะพ้นไปโดยอำนาจของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือ คนร.หรือไม่ สัดส่วนที่มาของ คนร.มาจากการแต่วตั้งของฝ่ายการเมืองล้วนๆจะปลอดจากกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ รวมทั้งสถานภาพของบริษัทลูกหรือบริษัทย่อยๆที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่ารัฐต้องถือหุ้นในสัดส่วนเท่าไร ฯล

นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติและคนทุกกลุ่มถ้าผิดพลาดคนแบกรับภาระคือประชาชนเพราะรัฐบาลมาแล้วก็ไป จึงต้องรอบคอบรับฟังความเห็นทุกฝ่ายอย่างจริงจัง ซึ่งไม่มีใครคัดค้านการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพราะทุกคนก็เห็นปัญหาคล้ายๆกับที่รัฐบาล แต่แนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้ในร่าง พรบ.ฉบับนี้ น่าเป็นห่วงว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายปลายทางอาจไม่ต่างจากความพยายามของนักการเมืองหรือรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มุ่งเอารัฐวิสาหกิจไปขายในตลาดหลักทรัพย์

ที่สำคัญเรื่งนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติด้วยจึงไม่จำเป็นต้องรวบรัดตัดตอนผลักดันเป็นกฎหมาย ทั้งที่ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ยังไม่ได้จัดทำเนื้อหาสาระใดๆ พึ่งแต่งตั้งกรรมการ จึงควรระงับร่าง พรบ.ฉบับนี้ไม้ก่อน และรับฟังความเห็นของสังคมวงกว้างตามเจตนามรย์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ด้วยน่าจะเป็นทางออกที่ดี และเป็นการลดอุณหภูมิความขัดแย้งทางการเมืองไปด้วย