posttoday

"วุฒิสาร"ยันโพลสถาบันพระปกเกล้าเจตนาบริสุทธิ์

08 กันยายน 2560

วุฒิสาร ยันโพลสถาบันพระปกเกล้าเจตนาบริสุทธิ์ หวังนำไปสู่การแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ ยันโพลความนิยม ‘บิ๊กตู่-ทักษิณ’ เทียบกันไม่ได้

วุฒิสาร ยันโพลสถาบันพระปกเกล้าเจตนาบริสุทธิ์ หวังนำไปสู่การแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ ยันโพลความนิยม ‘บิ๊กตู่-ทักษิณ’ เทียบกันไม่ได้

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกรณีผลสำรวจความคิดเห็นความเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี ว่า การทำงานครั้งนี้ไม่ถือเป็นการทำโพล เพราะการทำโพลเป็นการสุ่มตัวอย่างและมีคำถามเพียงไม่กี่คำถาม แต่สำหรับสถาบันพระปกเกล้าเรียกว่าโครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความพึงพอใจและบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2545  อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 ได้เก็บสุ่มตัวอย่าง 33,420 กลุ่มตัวอย่าง เป็นการสุ่มตัวอย่างทุกจังหวัด และลงครัวเรือนโดยระบุตัวบุคคลให้สัมภาษณ์ ดังนั้น ตามระเบียบวิธีเชื่อว่าซับซ้อนและมั่นใจว่าเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชาชน ทั้งนี้ สิ่งที่เราสำรวจทุกปีเป็นการทำหน้าที่ในสถานะสถาบันทางวิชาการ ที่ต้องการสะท้อนว่าประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไร และหวังว่าจะนำไปสู่ปรับปรุงแก้ไขเพื่อเป็นการสร้างสรรค์ต่อบ้านเมือง

นายวุฒิสาร กล่าวว่า สำหรับบริบทและสถานการณ์ที่แตกต่างกันสามารถเปรียบเทียบผู้นำแต่ละคนได้หรือไม่นั้น คิดว่าเป็นการเปรียบเทียบกันโดยคนที่ตั้งคำถามเอง ในงานแถลงข่าวและงานวิจัยที่เผยแพร่ไม่มีการเทียบเคียงอะไรเลย  ดังนั้น การระบุสถาบันพระปกเกล้าไปเปรียบเทียบคะแนนนิยมของรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือเปรียบเทียบคะแนนความพึงพอใจของนายกรัฐมนตรี 6 คน จึงไม่ใช่ เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อน จึงขอทำความเข้าใจไว้ตรงนี้ด้วย

เมื่อถามว่าจากผลการสำรวจคะแนนนิยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำคะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายวุฒิสาร กล่าวว่า โพลดังกล่าวไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ แต่ถ้าจะโยงเมื่อไหร่จะเป็นการสร้างปัญหา คิดว่าปัญหาวันนี้ คือ  สื่อมวลชนต้องเข้าใจหลักการและนำเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่เสนอความคิดเห็น และที่สำคัญต้องนำเสนออย่างสร้างสรรค์ คำถามแบบนี้ทำให้เกิดปัญหาในบ้านเมือง สื่อต้องเข้าใจบริบทและฟังข้อเท็จจริง แต่ขณะนี้สื่อไม่ได้ฟัง และหยิบบางเรื่องเพื่อตั้งคำถาม และเกิดปัญหาใหม่ ดังนั้น เราต้องทบทวนกันทุกฝ่ายทำหน้าเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อสนุกและมัน

เมื่อถามอีกว่า กรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ระบุถึงงานวิจัยดังกล่าวทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง นายวุฒิสาร ชี้แจงว่า ใครจะเข้าใจหรือแปลความอย่างไรเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน และถ้าจะเป็นธรรมก็น่าจะเข้าไปดูข้อเท็จจริงในการแถลงข่าวและเนื้องานวิจัย ส่วนกรณีสปท.ด้านการเมือง เสนอให้ปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้านั้น คิดว่าในเวทีสปท. เป็นเวทีพูดคุยกัน มีความเห็นที่หลากหลาย ตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะตอบโต้ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกสปท. จึงเป็นสิทธิ์แสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล