posttoday

สนช.นัดถก31ส.ค.อนุมัติงบปี61วงเงิน2.9ล้านล้าน

28 สิงหาคม 2560

สนช.นัดประชุม31ส.ค.อนุมัติงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท สภารับงบเพิ่ม 400 ล้านเร่งสร้างสภาใหม่ แนะ กลาโหม ชี้แจงประชาชนซื้ออาวุธ

สนช.นัดประชุม31ส.ค.อนุมัติงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท สภารับงบเพิ่ม 400 ล้านเร่งสร้างสภาใหม่ แนะ กลาโหม ชี้แจงประชาชนซื้ออาวุธ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้นัดประชุมสนช.วันที่ 31 ส.ค. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาทภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีงบประมาณจำนวน 6 รายการที่ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมรวมเป็น 22,163,095,000 บาท ดังนี้

1. งบกลาง ได้รับเพิ่มเติมจำนวน 21,257,187,600 บาท วัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการและไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

2.หน่วยงานรัฐสภา ได้รับเพิ่มเติมจำนวน 414,016,600 บาท แบ่งเป็น สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน 71,930,600 บาท เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนภารกิจของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 342,086,000 บาท เพื่อการก่อสร้างที่ทำการรัฐสภาแห่งใหม่และแก้ไขปัญหาอาคารสถานที่คับแคบไม่เพียงพอกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา

3.หน่วยงานของศาล คือ สำนักงานศาลปกครอง ได้รับเพิ่มเติมจำนวน 96,769,800 บาท วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดอย่างรวดเร็ว เยียวยาความเดือดร้อนเสียหายได้อย่างเหมาะสม เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นต่อการอำนวยความยุติธรรม

4.หน่วยงานอิสระของรัฐ จำนวน 385,841,400 บาท แบ่งเป็น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 241,155,900 บาท สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน 61,534,000 บาท สำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน 83,151,500 บาท

5.กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน คือ กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ได้รับเพิ่มเติมจำนวน 7,689,600 บาท

6.งบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้รับเพิ่มเติมจำนวน 1,590,000 บาท

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการวิสามัญฯยังได้มีการจัดทำข้อสังเกตเพื่อเสนอต่อที่ประชุมสนช.เกี่ยวกับภาพรวมการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2561ในหลายด้านเช่นกัน ดังนี้

การกำหนดเป้าหมายของกระทรวงและหน่วยงาน ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) และนโยบายสำคัญของรัฐ โดยจัดลำดับความสำคัญของภารกิจที่จะดำเนินการตามความสามารถในการตอบสนองเป้าหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์

หน่วยงานโดยเฉพาะองค์การมหาชนที่มีภารกิจ พันธกิจที่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่นและไม่มีผลดำเนินงานที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลได้แล้วขอให้พิจารณายุบเลิก เช่น องค์การมหาชนที่ดำเนินการด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยควรคัดเลือกเฉพาะหน่วยงานที่สามารถสนองนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม สัมมนา ควรเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ได้รับกับค่าใช้จ่าย ความเหมาะสมของจำนวนและคุณสมบัติผู้รับการอบรม ความประหยัด เช่น การใช้สถานที่ของทางราชการ ระยะเวลาการอบรม ควรรวมหลักสูตรที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ด้วยกัน การให้ผู้รับการอบรมที่เป็นเอกชนสนับสนุนค่าใช้จ่าย เป็นต้น

กรมประชาสัมพันธ์ ควรมีการบูรณาการกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาช่องทางการสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข่าวสารข้อมูลภาครัฐที่ถูกต้องและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการบิดเบือนข่าวสาร และประเด็นอ่อนไหวต่างๆรวมทั้งให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการนำเสนอข่าว โดยให้มีการดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น

กระทรวงกลาโหม ควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนทราบถึงความจำเป็นว่าเพราะเหตุใดกองทัพจะต้องมีการเตรียมความพร้อม โดยจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งควรมีการพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับภัยคุกคามไซเบอร์และมีการบูรณาการภารกิจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง