posttoday

โฆษกรัฐยืนยัน "อ.น้อง" แต่งกายถูกต้องตามประกาศสำนักนายกฯ

30 กรกฎาคม 2560

โฆษกรัฐบาลปฏิเสธสั่งลบภาพภรรยานายกฯ แจงแต่งกายถูกต้องตามประกาศฯ ชี้บิดเบือนข้อมูลทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล

โฆษกรัฐบาลปฏิเสธสั่งลบภาพภรรยานายกฯ แจงแต่งกายถูกต้องตามประกาศฯ ชี้บิดเบือนข้อมูลทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี มีข่าวลือส่งต่อกันทางแอพลิเคชันไลน์ และสื่อต่างๆ ว่า ตนสั่งให้หนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนลบภาพ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แต่งกายชุดดำประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลกับถวายพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2560 ที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

"การแต่งกายของนางนราพร หรือ อ.น้อง ภริยาของนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้การแต่งกายของ ครม. เป็นชุดปกติขาวไว้ทุกข์ ส่วนคู่สมรสที่เป็นหญิงแต่งกายชุดไทยจิตรลดา หรือชุดไทยอมรินทร์ สีดำ ดังจะเห็นได้ว่าคู่สมรสที่เป็นสตรีของคณะรัฐมนตรีก็แต่งกายเช่นเดียวกันกับ อ.น้อง"พล.ท.สรรเสริญกล่าว

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการตัดต่อบิดเบือนภาพข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่าภรรยานายกรัฐมนตรี จงใจแต่งกายขัดกับที่กำหนดในหนังสือของสำนักนายกฯ เสมือนเป็นการไม่ถวายพระเกียรติกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ระยะนี้มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ขอให้พี่น้องประชาชนรับข้อมูลข่าวสารอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของเล่ห์กลทางการเมือง

"การทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอาจเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย แต่การบิดเบือนข้อมูล ดึงเอาผู้ไม่เกี่ยวข้องอย่างภรรยาท่านนายกฯ หรือ คู่สมรสของ ครม. ต่างๆ มาทำลายชื่อเสียงนั้น ถือเป็นเรื่องน่าอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพยายามดึงเอางานพิธีในโอกาสสำคัญของชาติเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้จริงๆ"

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบหาตัวผู้สร้างข่าวบิดเบือนเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนได้รับทราบมาตลอดว่า แม้การสืบหาตัวผู้กระทำความผิดเหล่านี้จะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่เกินกำลังความสามารถของเจ้าหน้าที่ โดยได้มีการดำเนินคดีไปแล้วหลายราย