posttoday

"ประยุทธ์"ปัดใช้ม.44สางปัญหาทุจริตเงินทอนวัด

18 กรกฎาคม 2560

นายกฯชม “พศ.” ลุยปราบโกงเงินวัด ปัดใช้ม.44 สางปัญหา เพราะมีกลไกตรวจสอบเยอะ-ใช้กระบวนยุติธรรมจัดการได้ ยันยังไม่มีกำหนดปิดให้เข้าถวายบังคมพระบรมศพฯ

นายกฯชม “พศ.” ลุยปราบโกงเงินวัด ปัดใช้ม.44 สางปัญหา เพราะมีกลไกตรวจสอบเยอะ-ใช้กระบวนยุติธรรมจัดการได้ ยันยังไม่มีกำหนดปิดให้เข้าถวายบังคมพระบรมศพฯ  

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงข่าวที่ว่าพระสังฆาธิการบางส่วนไม่พอใจต่อการทำงานของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ในการตรวจสอบการทุจริตเงินสนับสนุนเพื่อบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวผอ.พศ. ว่า ตนขอชื่นชมการทำงานของ พศ.ที่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่คนไทย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์นับถืออยู่ เราจึงต้องทำให้ประชาชนยังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อไป อย่างไรก็ตามขออย่ารีบตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดีทั้งหมด เพราะคนที่เกี่ยวข้องเป็นคนส่วนน้อย ซึ่งเราต้องทำอย่างไรให้ส่วนน้อยตรงนี้ได้รับการแก้ไข จึงต้องนำไปสู่การตรวจสอบ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปทำให้เกิดประเด็นขึ้น มิฉะนั้นจะสร้างความขัดแย้งกับพุทธศาสนิกชน หรือกลายเป็นรัฐบาลชุดนี้ถูกกล่าวหาว่าทำลายศาสนาพุทธเพื่อให้ศาสนาอื่นได้เข้ามาแล้วจะถูกเชื่อมโยงกับเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่มันเป็นคนละเรื่องกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวต้องถูกนำเข้าสู่การตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันต้องลดผลกระทบที่จะเกิดต่อศาสนาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในอดีตที่ผ่านมา หลายประเทศเคยมีปัญหาความขัดแย้งในเรื่องศาสนา เพราะฉะนั้นประเทศของเราต้องไปไม่ถึงจุดนั้นที่มีการแบ่งแยกหรือทะเลากันเรื่องศาสนา ต้องเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะประเทศไทยมีประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคำสอนของพระพุทธศาสนามีแก่นแท้คือการสอนให้คนสงบสันติ มีคุณธรรม รวมกำลังและรวมจิตใจทำในสิ่งดีงาม ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้สอนให้คนแบ่งแยกกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาแก้ปัญหาทุจริตเงินวัดหรือไม่นั้น ตนขอถามว่าจะให้เอาไปแก้ปัญหาอะไรในเมื่อเรื่องนี้เป็นการทุจริต ก็ต้องใช้กลไกสำหรับการตรวจสอบที่มีอยู่จำนวนมากไปดำเนินการ รวมถึงมีองค์กรอิสระและกระบวนการศาลยุติธรรม เพียงแต่พศ.ต้องไปสืบหาข้อมูลมาแล้วส่งให้ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หรือหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบตามกฎหมาย จากนั้นนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้มาตรา 44 อย่างไรก็ตาม

“ผมคิดว่าหยุดกันได้แล้วนะ ค่อยๆดำเนินการกันไป อย่าเร่งมากนัก ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องให้เกียรติพระ แต่ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ผมคิดว่าทุกคนยอมรับกติกาแม้จะเป็นพระ แต่ทุกคนอย่าทำอะไรให้มันครึกโครมกันมากนัก มิฉะนั้นส่งผลเสียต่อจิตใจ จึงต้องระมัดระวัง ขณะที่สื่อก็ต้องช่วยกันด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกฯ  ถึงกระแสข่าวจะปิดให้เข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชในวันที่ 30 กันยายนนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการออกมา ไม่ทราบว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะตอนนี้เราได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานให้ทราบแล้วว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการอำนวยการที่ดูแลพระราชพิธีทั้งหมดที่ต้องไปดูว่าการเตรียมความพร้อมสู่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯนั้นใช้เวลาเท่าไร ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องการเดินทางของประชาชนหรือการเตรียมการเคลื่อนย้ายต่างๆ ในการซักซ้อม เราต้องพิจารณากันอีกครั้ง แล้วต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระบรมราชวินิจฉัย

"ขอว่าอย่าเพิ่งตื่นตกใจบางทีก็พูดกันเกินไป บางหน่วยงานที่เขาแจ้งมาในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะต้องแจ้งงบประมาณรายเดือนมาเพื่อที่จะสามารถควบคุมงบประมาณได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ส่วนกรณีสังคมตั้งคำถามถึงเรื่องงบประมาณของโครงการสะพานคนเดินและทางจักยานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าพระจันทร์ – ศิริราช นายกฯ กล่าวว่า ตนเพิ่งเห็นข่าว เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องยังมาไม่ถึงรัฐบาล ตนได้ตรวจสอบไปแล้ว เป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น แต่ทั้งหมดไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะทำได้เลย หากคิดแล้วทำไม่ได้ ก็คือทำไม่ได้ วันนี้ความคิดเห็นของประชาชน ไม่เห็นด้วยเยอะ ส่วนตนยังไม่มีความเห็น มันจะดีหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ต้องไปดูเรื่องความคุ้มค่าและความเป็นไปได้หรือไม่