posttoday

มท.1ถกผู้ว่าฯแจงแนวทางรับฟัง4คำถามนายกฯ

02 มิถุนายน 2560

มท. 1 ประชุมผู้ว่าฯทั่วประเทศ แจงแนวทางการการรับฟังความเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี ยันต้องใช้เลขบัตรประจำตัว 13 หลัก ป้องกันพวกไม่หวังดี-สวมสิทธิ

มท. 1 ประชุมผู้ว่าฯทั่วประเทศ แจงแนวทางการการรับฟังความเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี ยันต้องใช้เลขบัตรประจำตัว 13 หลัก ป้องกันพวกไม่หวังดี-สวมสิทธิ 

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่สโมสรทหารบก วิพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศถึงการดำเนินงานเกี่ยวกับคำถาม 4 ข้อของรัฐบาลว่า นายกฯ ได้ให้แนวทางว่าเป็นเรื่องการรับฟังความคิดเห็นและให้ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับฟังความเห็นซึ่งเป็นภารกิจของศูนย์ดำรงธรรมอยู่แล้ว นอกจากการแก้ไขของปัญหาประชาชนก็สามารถรับฟังความเห็นได้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจะส่งความคิดเห็นของประชาชนให้สำนักนายกรัฐมนตรี 10 วันต่อครั้ง สำหรับวิธีที่จะได้ข้อมูลและความคิดเห็นมีหลายวิธี ซึ่งวันนี้จะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.)ว่า วิธีใดทำแล้วจะได้ข้อมูลที่สะท้อนเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง จะใช้ช่องทางใดบ้าง

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า การใช้ช่องทางที่แน่นอนจะไม่ผิดเพี้ยนคือการให้ข้อมูลจากประชาชนที่เดินเข้ามาศูนย์ดำรงธรรมโดยตรง และจะกระจายการใช้ศูนย์ดำรงธรรมให้มากที่สุดทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด อำเภอ และตำบลเพื่อที่ประชาชนจะได้สะดวกในการเดินทาง และจะต้องยืนยันหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อให้ข้อมูลที่เข้ามาไม่ผิดเพี้ยน ป้องกันพวกไม่หวังดีเพราะเจ้าตัวต้องรับผิดชอบ อีกทั้งยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนคอยสอดส่องว่าใครเป็นใครเพื่อไม่ให้ข้อมูลผิดเพี้ยน ทั้งนี้หากใช้ช่องทางโซเซียลมีเดียหรือส่งความเห็นทางไปรษณีย์หรือรับเรื่องผ่าน 1567 ก็อาจจะมีการสวมสิทธิกันได้ การรับฟังความคิดเห็นทางกระทรวงมหาดไทยเราจะไม่ไปชี้แนะอะไรทั้งสิ้น จะรับฟังความเห็นและสรุปแยกคำตอบแต่ละข้อว่าเป็นอย่างไร โดยสรุปผล 10 วันต่อครั้ง วันนี้จะหารือกับผวจ.เบื้องต้นว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติทั้งหมดไหวหรือไม่ และถ้าเริ่มดำเนินการวันไหนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

เมื่อถามถึงการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐชี้นำประชาชน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า เจตนาคือนายกฯอยากทราบความคิดเห็นเท่านั้น ไม่ได้ทำโพลอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่นายกฯ อธิบายคืออยากให้ทุกคนตระหนักถึงการเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งจะส่งผลถึงการใช้อำนาจรัฐที่จะทำให้ประเทศไทยไปในทิศทางไหนก็ได้ เรื่องนี้ถ้ามองให้เกิดประโยชน์จะทำให้คนคิดเป็นในการเลือกตั้งและเลือกตั้งควรจะได้คนอย่างไร

 เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้หรือไม่ว่าคำตอบของประชาชนจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ได้ ไม่มีใครเขาทำอะไรไม่ดี ถามทำลิงทำไม ผมยืนยันว่าเป็นการรับฟังความคิดเห็นถ้าจะตีค่าว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองคงไปห้ามไม่ได้ เพราะเป็นคำถามที่ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง แต่เราไปบังคับให้ใครเขียนอะไรไม่ได้ เขาจะตอบอะไรก็สรุปขึ้นมาอย่างนั้น ทั้งนี้อยากให้สื่อช่วยพูดอย่างสร้างสรรค์บ้าง ผมยืนยันผมเป็นรัฐมนตรีไม่สามารถสั่งให้ศูนย์ดำรงธรรมทำข้อมูลได้ ผมสั่งไม่ได้แน่นอน สั่งได้เพียงว่าให้สรุปขึ้นมาในระยะเวลาเท่าไร และการดำเนินการไม่ได้เป็นการจัดตั้ง จึงให้คนวอร์คอินเข้าไป พร้อมแสดงเลขบัตรประชาชนเพื่อให้ยืนยันตัวตนได้”พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว