posttoday

ปิดฉากอาเซียนซัมมิต

01 พฤษภาคม 2560

การประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนซัมมิต ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันเสาร์

โดย...นันทิยา วรเพชรายุทธ

การประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนซัมมิต ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 เม.ย. อาจนับว่าเป็นครั้งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีก็ว่าได้ เพราะเป็นครั้งที่มีหลายประเด็นเกี่ยวโยงออกไปนอกเหนือจากแค่ 10 ชาติสมาชิก ตั้งแต่เรื่องเกาหลีเหนือ ทะเลจีนใต้ ไปจนถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)

ไม่บ่อยครั้งนักที่อาเซียนจะถูกดึงถูกลากเข้าไปร่วมในประเด็นระดับภูมิภาคหรือระดับโลก โดยในครั้งนี้ทั้งสหรัฐและเกาหลีเหนือต่างก็ล็อบบี้ขอเสียงสนับสนุนจากอาเซียน ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อรียองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ส่งจดหมายถึงเลขาธิการอาเซียนเพื่อขอการสนับสนุน

ที่ผ่านมาประเด็นเกาหลีเหนือไม่ได้โดดเด่นอะไรในเวทีอาเซียน เพราะอาเซียนถูกมองว่าเป็น “คนนอก” ในเรื่องนี้ที่มี “จีน” เป็นผู้คุมสถานการณ์อยู่ หรือหากสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาก็ไปคุยกันผ่านวงเจรจา 6 ฝ่ายที่มีเกาหลีใต้และประเทศบิ๊กๆ เขาตั้งโต๊ะคุยกันเอง และจะว่าไป บางประเทศในอาเซียนก็มีสัมพันธ์ทางการเมืองและผลประโยชน์ทางธุรกิจกับเกาหลีเหนืออยู่ด้วย เช่น กัมพูชา และมาเลเซีย

ทว่า ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะมีตัวแปรในยุคใหม่อย่าง คิมจองอึน และโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามา ทำให้สถานการณ์เดาทางยากขึ้นและตึงเครียดเป็นพิเศษ และจบลงด้วยการที่อาเซียนร่วมออกแถลงการณ์วิจารณ์ไปตามระเบียบ

อย่างไรก็ดี ที่น่าสนใจมากกว่ากลับเป็น “จีน” ซึ่งเงื้อง่ากันมาพักใหญ่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วกับประเด็นร้อนในทะเลจีนใต้ อาเซียนเสียงแข็งมากขึ้น ขณะที่จีนเองก็ไม่ยอมอ่อน

แต่กลายเป็นว่าสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกเช่นกัน หลังจากที่ทรัมป์มาเป็นผู้นำสหรัฐและทำให้ทั้งโลกต้องสับสนกับนโยบายที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ แถมยังเสี่ยงผลักมิตรไปเป็นศัตรูอีกด้วย ทำให้บทบาทของจีนกลับมาโดดเด่นขึ้นอีกครั้ง รวมถึงในการเจรจาเพื่อจัดทำแนวทางปฏิบัติ (Code of Conduct) ระหว่างจีนและอาเซียนในทะเลจีนใต้ ที่อาเซียนเสียงอ่อนลงมากด้วย และกลายเป็นการประชุมอาเซียนซัมมิตอีกครั้งที่ไม่มีแถลงการณ์ร่วมตำหนิจีน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่แฝงไว้และต้องติดตามต่อก็คือ ความตกลงอาร์เซ็ปที่ถูกจับตามองอีกครั้งหลังจากสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงทีพีพีไป ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ายิ่งทีพีพีล่มก็ยิ่งเป็นโอกาสของอาร์เซ็ปและทำให้ภูมิภาคนี้โดดเด่นขึ้นมา และไม่ควรทำให้ดีลนี้ “เสียของ” ด้วยการเป็นแค่ข้อตกลงการค้าธรรมดาๆ ทั่วไป แต่จนถึงปัจจุบันการเจรจาก็ยังไม่ลงตัวและมีแนวโน้มที่อาจต้องพลาดเส้นตายในปีนี้อีกครั้ง หลังจากเลื่อนมาแล้วหลายรอบตั้งแต่ปลายปี 2015

อาเซียนยังมีบทบาทและโอกาสอีกมากในเวทีโลก ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะดำเนินบทบาทและผลักดันตัวเองไปทางไหน ซึ่งต้องจับตากันอีกครั้งในการประชุมซัมมิตรอบ 2 ปลายปีนี้ ที่จะเป็นการร่วมประชุมครั้งแรกของผู้นำสหรัฐคนใหม่ด้วย